ไม่พบผลการค้นหา
โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการครั้งแรกเป็นเวลา 3 วัน เพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ยุทธการที่นอร์มังดี หรือดีเดย์ ในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นพันธมิตรกับสหราชอาณาจักร

ในครั้งนี้เป็นการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในฐานะประมุขของรัฐ โดยได้รับเชิญโดยสมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ทรง กำหนดการเยือนอังกฤษครั้งนี้มีระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 – 5 มิถุนายน

ทวนความจำ ทรัมป์พูดอะไรไว้ก่อนเยือนอังกฤษ

ในวันที่ 3 มิถุนายน ก่อนจะขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อในหลายๆ ประเด็น โดยทรัมป์ กล่าวว่าการเยือนครั้งนี้จะเป็นไปได้ด้วยดีสำหรับอังกฤษ เพราะอังกฤษอยากทำการค้ากับสหรัฐฯ อยู่แล้ว

ทรัมป์ ได้ย้ำอีกครั้งว่าบอริส จอห์นสัน หนึ่งในตัวเต็งที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมแทนเทเรซา เมย์ มีนิสัยดีมาก และเป็นเพื่อนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้กล่าวสนับสนุนบอริสในหนังสือพิมพ์ The Sun มาก่อนแล้ว

"ผมคิดว่าบอริสจะทำหน้าที่ได้ดี ผมว่าเขาจะทำได้เยี่ยมไปเลย" ทรัมป์กล่าว อีกทั้งยังเสริมว่าตัวเองมีความสัมพันธ์อันดีกับไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคเบร็กซิต และอาจหาเวลาพบกับทั้งสองคนระหว่างเยือนอังกฤษ

นอกจากนี้ก่อนเครื่องแอร์ฟอร์ซวันจะลงจอด ทรัมป์ได้แสดงความเห็นต่อซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ทำหน้าที่ในฐานะนายกลอนดอนได้แย่มาก อีกทั้งยังเป็น "ไอ้ขี้แพ้" ที่ควรจะมุ่งแก้ปัญหาอาชญากรรมในลอนดอน มากกว่ามามุ่งโจมตีตัวเอง พร้อมเสริมอีกว่าข่านก็โง่เหมือนกับ บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ซึ่งทำหน้าที่ได้แย่เหมือนกัน เพียงแต่ข่านตัวเตี้ยกว่าครึ่งหนึ่ง

การแสดงความคิดเห็นของทรัมป์เป็นการตอบโต้ต่อบทความของ ซาดิก ข่าน ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ The Guardian ชี้ว่าการต้อนรับทรัมป์เป็นการกระทำที่ไม่สมกับเป็นอังกฤษมากๆ เพราะทรัมป์เป็นเหมือนภาพแทนของผู้นิยมแนวคิดฝ่ายขวาสุดโต่งซึ่งเป็นภัยต่อความเท่าเทียมและเสรีภาพ พร้อมแสดงจุดยืนร่วมกับนิตยสาร Elle UK ผ่านคลิปวิดีโอซึ่งย้ำว่าคุณค่าที่ทรัมป์ยึดถือนั้นตรงกันข้ามกับลอนดอนและอังกฤษโดยสิ้นเชิง อังกฤษให้คุณค่ากับความหลากลายและความเท่าเทียมทางเพศ พร้อมวิจารณ์กระแสการออกกฎหมายเพื่อจำกัดเสรีภาพในการยุติการตั้งครรภ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในหลายรัฐของอเมริกา

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน The Sun ได้เผยแพร่คลิปเสียงสัมภาษณ์ทรัมป์ โดยเมื่อถามว่าทรัมป์คิดอย่างไรกับกับการที่ เมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ อดีตนักแสดงชาวสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ทรงเป็นพระชายาในเจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ เคยทรงแสดงความเห็นว่าจะย้ายออกจากสหรัฐฯ หากทรัมป์ชนะเลือกตั้งในปี 2016 ทรัมป์ตอบว่าตัวเองไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว

“หวังว่าเธอจะสบายดี ผมไม่รู้เลยว่าเธอเคยทำตัว ‘ร้ายกาจ’” ก่อนจะเสริมว่าเธอคงทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหญิงอังกฤษได้ดี

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ทวีตในวันที่ 2 มิถุนายนว่าไม่เคยพูดว่าเมแกน "ร้ายกาจ" และชี้ว่านั่นเป็นคลิปที่ถูกทำขึ้นโดยสำนักข่าวปลอม ทั้งนี้ ทั้งสองจะไม่ได้พบกันในช่วงที่ทรัมป์เยือนอังกฤษ เนื่องจากเมแกนเพิ่งทรงให้กำเนิดพระโอรสเมื่อเดือนพฤษภาคม และยังทรงอยู่ระหว่างพักฟื้น

 

วันที่ 1: การต้อนรับยิ่งใหญ่ การต่อต้านยิ่งยวด
และม้าเหล็กที่ถูกลืม

หลังเฮลิคอปเตอร์มารีนวันที่ทรัมป์ใช้เดินทางต่อจากท่าอากาศยานลอนดอนสแตนสเต็ด ลงจอด ณ พระราชวังบักกิงแฮม ก็มีการต้อนรับด้วยขบวนองครักษ์หลวง (guard of honour) และมีการยิงสลุต 41 นัด ก่อนจะร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน ทว่าด้านนอกรั้วพระราชวัง มีผู้ชุมนุมกว่า 100 คน รวมตัวกัน ประท้วงการต้อนรับทรัมป์ และชี้ว่าไม่เหมาะสมที่จะต้อนรับทรัมป์เป็นการพิเศษแบบรัฐพิธี โดยในอดีตมีประธานิบดีสหรัฐฯ เพียง 2 คน เท่านั้นคือ จอร์จ บุช และบารัก โอบาม่า ที่สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ให้การต้อนรับในฐานะพระราชอาคันตุกะ

เวย์แมน เบนเนตต์ ผู้ร่วมจัดการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ กล่าวว่าการมาเยือนในฐานะพระราชอาคันตุกะของทรัมป์ นับเป็นการดุหมิ่นต่อคุณค่าพื้นฐานอันพึงมีของประชาชน และควรถูกยกเลิก "บางครั้งเราก็ต้องบอกคนที่ชอบข่มเหงรังแกคนอื่นว่าพวกเขาทำผิด และยืนหยัดเพื่อสิทธิขั้นพื้นฐาน เขาขู่จะก่อสงครามนิวเคลียร์ และทำตัวเป็นคนงี่เง่าหยาบคาย เขาไม่เคารพมารยาททางการทูตขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ" เบนเนตต์ กล่าว

จากนั้นสมเด็จพระราชินีนาถ ทรงพาโดนัลด์และเมลนาเนีย ทรัมป์ ชมงานสะสมศิลปะหลวงของพระราชวงศ์อังกฤษ โดยระหว่างนั้นทรงแสดงรูปปั้นม้าโลหะพิวเตอร์แล้วตรัสถามทรัมป์ว่ารู้สึกคุ้นๆ บ้างไหม เขาตอบว่า "ไม่เลย" ก่อนที่เมลาเนียจะเตือนทรัมป์ว่านั้นเป็นรูปปั้นที่ทรัมป์มอบให้เป็นของขวัญแด่สมเด็จพระราชินีนาถเอง ในการเยือนพระราชวังวินด์เซอร์เมื่อปีที่แล้ว

000_1H757I.jpg
  • ม้าโลหะพิวเตอร์ ของขวัญที่ทรัมป์ลืมว่าเคยมอบให้สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2

ทรัมป์ได้เดินทางต่อไปยังวิหารเวสต์มินสเตอร์ เพื่อร่วมกับเจ้าฟ้าชายชาลส์ วางพวงหรีดที่หลุมฝังศพของนักรบนิรนาม ทหารในยุทธการนอร์มังดี

ในช่วงค่ำวันจันทร์ สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบธที่ 2 ทรงเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงแบบรัฐพิธี ที่พระราชวังบักกิงแฮม ทรัมป์นั่งอยู่ฝั่งขวาของสมเด็จพระราชินีนาถ โดยขนาบด้วยคามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอล

ทรัมป์ กล่าวปราศัยชื่นชมถึงความกล้าหาญของชาวอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่สอง และสมเด็จพระราชินีนาถ ทรงเป็น "ผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่มากๆ" และคุณค่าที่ทั้งสองชาติยึดถือร่วมกัน ทั้งอธิปไตย การกำหนดชีวิตตัวเอง และหลักนิติธรรม จะเชื่อมโยงทั้งสองประเทศไว้ด้วยกันต่อไปในอนาคต พร้อมกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์อันยาวนานของทั้งสองประเทศ

ทางด้าน สมเด็จพระราชินีนาถ ทรงปราศรัยถึงความสำคัญของวันดีเดย์ว่า วันครบรอบเหตุการณ์ดีเดย์จะย้ำเตือนถึงสิ่งที่ประเทศทั้งสองสร้างมาร่วมกัน โดยร่วมกับประเทศอื่นๆ ก่อตั้งสถาบันระหว่างประเทศที่เป็นเครื่องยืนยันว่าความโหดร้ายที่เกิดจากความขัดแย้งอย่างสงครามโลกครั้งที่สองจะไม่เกิดขึ้นอีก และความสงบสุขซึ่งได้มาโดยยากนี้จะดำเนินต่อไป นอกจากนี้ยังทรงตรัสว่าทั้งสองชาติผูกโยงกันไว้ด้วยความแข็งแกร่งและกว้างขวางของสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

"ข้าพเจ้ามั่นใจว่าผลประโยชน์และค่านิยมซึ่งเรายึดถือร่วมกัน จะยึดเหนี่ยวชาติของเราไว้ด้วยกันต่อไป"

000_1H77QH.jpg

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตุว่า เจ้าชายแฮร์รี พระสวามีของเมแกน ซึ่งทรัมป์กล่าวจาบจ้วงนั้น ทรงเลี่ยงที่จะอยู่ใกล้กับทรัมป์ในงานเลี้ยง

ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ดองกีย์ส (Donkeys) กลุ่มต่อต้านเบร็กซิต ได้ฉายวิดีโอการให้สัมภาษณ์ในปี 2015 ของบอริส จอห์นสัน ผู้ที่ทรัมป์เพิ่งออกตัวสนับสนุนไปได้ไม่นาน โดยฉายบนผนังของหอนาฬิกาบิ๊กเบน ในกรุงลอนดอน โดยในวิดีโอดังกล่าวมีเนื้อหาที่บอริสกล่าวโจมตีการกีดกันการเข้าสหรัฐฯ ทรัมป์นั้นไม่ประสีประสาได้อย่างน่าประหลาดใจ อีกทั้งยังชี้ว่าเขาไม่เหมาะจะเป็นประธานาธิบดี

กลุ่มดองกีย์ส มีชื่อเสียงด้านการนำป้ายและบิลบอร์ดมาจี้จุดนักการเมืองที่กลับคำพูดจุดยืนทางทางเมืองของตัวเอง

ในภายหลัง ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการกูดมอร์นิงบริเทน (Good Morning Britain) ว่าได้เข้าพบกับเจ้าฟ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ ณ พระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2562 โดยจากกำหนดการพูดคุย 15 นาที กลับพุดคุยเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยาวนานถึง 90 นาที ทรัมป์ชี้ว่าในเวลาส่วนใหญ่ เจ้าฟ้าชายทรงเป็นฝ่ายตรัส

"เจ้าชายทรงสนใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาก และผมก็คิดว่านั่นเป็นเรื่องดี สิ่งที่พระองค์ประสงค์และทรงใส่ใจอย่างยิ่งก็คืออนาคต พระองค์ประสงค์จะสร้างความมั่นใจว่าคนในรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต จะมีสภาพอากาศที่ดี ไม่ใช่ภัยพิบัติ และผมก็เห็นด้วย" ทรัมป์ กล่าวชื่นชม แต่ก็ไม่เห็นด้วยว่าสหรัฐฯ ควรจะทำอะไรมากไปกว่าที่ทำอยู่ โดยชี้ว่าตามสถิติแล้วในตอนนี้สหรัฐฯ ก็เป็นประเทศมีสภาพอากาศที่สะอาดที่สุดประเทศหนึ่งแล้ว ทว่า จีน อินเดีย รัสเซีย และอีกหลายๆ ประเทศ อากาศไม่ดี และไม่รับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

afp-trump-charles.jpg

จากการที่เจ้าฟ้าชายชาลส์ ผู้ทรงขึ้นชื่อว่าใส่ใจในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ได้ทรงใช้เวลาเกินกำหนดโน้มน้าวให้ทรัมป์เห็นความสำคัญของสภาพอากาศ เพียร์ส มอร์แกน ผู้ดำเนินรายการกูดมอร์นิงบริเทน ได้ถามทรัมป์ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัส ทำให้ทรัมป์รู้สึกอะไรบ้างไหม

"ต้องบอกว่าสิ่งที่รู้สึกได้เลยจากพระองค์ คือความใส่ใจแรงกล้าต่อคนรุ่นต่อไป" ทรัมป์ตอบ


วันที่ 2: ชาวอังกฤษไม่เอาทรัมป์
และการเจรจากับเทเรซา เมย์

ภายหลังทรัมป์กล่าวโจมตีซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เป็นการส่วนตัวผ่านทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก เรียกร้องให้ทรัมป์กล่าวขอโทษ

ช่วง 10 โมงเช้าตามเวลาอังกฤษ ผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคนจากหลากหลายกลุ่มรวมตัวกันต่อต้านทรัมป์ ณ จัตุรัสทราฟัลการ์ โดยมีทั้งกลุ่มสนับสนุนสมานฉันท์ปาเลสไตน์ (Palestine Solidarity Campaign) แนวร่วมหยุดยั้งทรัมป์ (Stop Trump Coalition) แนวร่วมหยุดสงคราม (Stop The War Coalition) กลุ่มยืนหยัดสู้การเหยียดเชื้อชาติ (Stand Up To Racism) และกลุ่มรณรงค์ยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ ทางด้านตำรวจคาดว่าจะมีผุ้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์ประมาณ 10,000 คน ในเพจกิจกรรมร่วมต้านทรัมป์ (Together Against Trump - stop the state visit) ก็มีผู้ลงทะเบียนในหน้ากิจกรรม ว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมกว่า 9,000 คน และมีผู้กดสนใจเข้าร่วมกว่า 34,000 คน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงยืนยันว่าเห็นผู้ชุมนุมเพียงเล็กน้อย และการประท้วงเป็นแค่ข่าวปลอม

000_1H81VF.jpg
  • กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์ในลอนดอน

ภายในกลุ่มชุมนุมมีการแจกกระดาษชำระลายทรัมป์ และหุ่นยนต์รูปทรัมป์นั่งอยู่บนชักโครก โดย ดอน เลสเซม ผู้สร้างหุ่นยนต์ทรัมป์ กล่าวว่าตัวเองก็รังเกียจทรัมป์เหมือนกับชาวอเมริกัน จึงเลือกแสดงออกโดยใช้อารมณ์ขันเป็นอาวุธ

"เขาไม่เคารพประชาธิปไตย เขาเป็นว่าที่เผด็จการ" เลสเซม กล่าว

000_1H824S.jpg
  • หุ่นยนต์ทรัมป์ โดย โดย ดอน เลสเซม

นอกจากนี้ บอลลูน 'ทารกทรัมป์' ผิวสีส้ม ความสูง 6 เมตร หน้าตาเกรี้ยวกราด ซึ่งเคยใช้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้รับการปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันนี้ด้วยเช่นกัน

ในช่วงสาย ทรัมป์ได้ติดต่อเพื่อขอพบเป็นการส่วนตัวกับไมเคิล โกฟ ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมของอังกฤษ สร้างความฉงนหลังจากที่เคยกล่าวสนับสนุนบอริส จอห์นสัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกคนหนึ่งมาก่อน

เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ร่วมกับโดนัลด์ ทรัมป์ ในการประชุมทวิภาคีระหว่างมื้อกลางวัน ณ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ที่พำนักของนายกรัฐมนตรี โดยมีกำหนดจะพูดคุยสถานการณ์ต่างๆ ระดับประเทศ รวมถึงบทบาทของหัวเว่ยต่อการวางเครือข่าย 5G ในสหราชอาณาจักร์ด้วย ก่อนจะร่วมกันแถลงสรุปการประชุมในช่วงบ่ายกับสื่อมวลชน

เทเรซา เมย์ ชี้ว่าอังกฤษและสหรัฐฯ จะร่วมมือด้านความปลอดภัยกันมากขึ้น และมีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นขึ้น และยืนยันว่าทั้งคู่ยังต้องข้อตกลงทางการค้าร่วมกันหลังอังกฤษออกจากอียู พร้อมย้ำว่าความสัมพันธ์ของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแรงเหมือนเมื่อ 75 ปีที่ผ่านมา

ทางด้านทรัมป์เองก็เชื่อว่าอังกฤษและสหรัฐฯ จะสามารถมีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมร่วมกันสำหรับหลังเบร็กซิตได้ "ผมคิดว่าเราจะมีข้อตกลงทางการค้าที่เป็นรูปธรรมมากๆ กันแน่ นี่เป็นสิ่งที่พวกคุณอยากได้ แล้วคนของผมก็อยากได้" พร้อมกล่าวกับเมย์ว่า "อย่าไปไหนล่ะ มาทำข้อตกลงนี้กัน" แม้ว่าเมย์จะประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว ซึ่งส่งผลให้เธอหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปด้วย โดยจะมีผล 7 มิถุนายนนี้

ในคำถามจากผู้สื่อข่าวว่าจะปฏิเสธหน่วยข่าวกรองอังกฤษไม่ให้ร่วมในการสอบสวนหัวเว่ยหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะอังกฤษและสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันว่าจะจัดการอย่างไรกับหัวเว่ย

จากการแถลงสรุปการประชุมอาจกล่าวได้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จากการ์ที่ เมย์เรียกทรัมป์ด้วยชื่อ ‘โดนัลด์’ และทรัมป์ก็จบการแถลงก่อนจะเริ่มเปิดให้นักข่าวถาม ด้วยการสุดดีแด่เทเรซา เมย์ ว่าเป็นสตรีที่มีความเป็นมืออาชีพ และยินดีที่ได้ร่วมงานกัน

afp-trump-may.jpg

ในช่วงบ่ายระหว่างที่ทรัมป์พูดคุยกับเมย์ เจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานและหัวหน้าฝ่ายค้านซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างหนัก ขึ้นปราศัยกับกลุ่มชุมนุมต่อต้านทรัมป์ กล่าวว่าเต็มใจจะพบกับทรัมป์เพื่อพูดคุย แต่ก็ตำหนิการกล่าวโจมตีซาดิก ข่าน และชี้ว่าตัวเองรู้สึกภูมิใจที่มีข่านซึ่งเป็นชาวมุสลิม เป็นนายกของลอนดอน พร้อมย้ำถึงจุดยืนของตัวเองในการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ถึงนโยบายต่อผู้อพยพ

รายงานยืนยันว่าคอร์บินติดต่อขอพบกับทรัมป์จริง แต่ทรัมป์ปฏิเสธ โดยให้เหตุผลขณะตอบคำถามผู้สื่อข่าวในช่วงบ่ายว่าคอร์บินเป็นพลังเชิงลบ ซึ่งชอบวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ และทรัมป์ก็เกลียดพวกชอบวิพากษ์

ในวันเดียวกัน เอมี ดัลลาส มูรา ผู้สนับสนุนทรัมป์ได้เดินเข้าไปกลางกลุ่มผู้ต่อต้านทรัมป์ และใช้อาวุธมีดเจาะบอลลูนทารกทรัมป์รั่ว ขณะเดียวกันก็ทำมีดบาดตัวเองด้วย

"ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดที่เคยมีมา พวกแกมันหน้าไม่อาย" เธอกล่าวขณะเดินถอยออกจากกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์ ก่อนจะถูกตำรวจควบคุมตัวไว้

ทางด้านผู้ชุมนุมต่อต้านทรัมป์ชี้ว่าบอลลูนทารกทรัมป์เสียหายเพียงเล็กน้อย และจะยังคงลอยขึ้นสู่ฟ้าได้ดังเดิม

ทารกทรัมป์.jpg
  • บอลลูนทารกทรัมป์


วันที่ 3: ฉลอง 75 ปี วันดีเดย์

ตามกำหนดการวันที่สาม ทรัมป์จะร่วมระลึกถึงยุทธการยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ร่วมกับราชวงศ์อังกฤษอย่างเป็นทางการที่เมืองพอร์ตสมัท ก่อนจะเดินทางไปยังนอร์มังดีเพื่อร่วมระลึกเหตุการณ์วันดีเดย์ที่ฝรั่งเศสร่วมกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง


ที่มา: The Independent / Business Insider / ABC News / The Guardian