ไม่พบผลการค้นหา
"จุรินทร์" ตอบทุกคำถาม-หน้ากากอนามัย โปร่งใสทุกขั้นตอน พร้อมกำชับตามจับคนกักตุน โก่งราคา ไม่เลือกปฏิบัติ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เรื่องหน้ากากอนามัย ประการที่หนึ่ง วันนี้เป็นวันที่ประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ทั้ง 3 ฉบับที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้วันนี้ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว รายละเอียดคือ ประกาศฉบับที่ 9 นั้นมีผลให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้แทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยจะต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณการส่งออก ปริมาณการคงเหลือ รวมทั้งราคาจำหน่าย ที่ต้องสอดคล้องกับต้นทุนทั้งหมดทุกวันมาที่เลขานุการคือ อธิบดีกรมการค้าภายใน

ประการที่สอง เรื่องการควบคุมราคา หรือการกำหนดราคาจำหน่ายปลีกในตลาดหน้ากากอนามัยชนิดที่ใช้เพื่อการแพทย์ที่เรียกว่า "Surgical mask" ที่เป็นหน้ากากอนามัยสีเขียว คือหน้ากากที่กำหนดราคาจำหน่ายปลีกไว้ชัดเจน ซึ่งในประเทศไทยสามารถผลิตได้แค่ 11 โรงงานเท่านั้น และมีกำลังการผลิตเดือนละ 36,000,000 ชิ้นเฉลี่ยวันละ 1,200,000 ชิ้นและในบรรดาหน้ากากทั้งหมดที่เป็นหน้ากากทางการแพทย์สีเขียว เมื่อไปถึงร้านจำหน่ายปลีกจะขายปลีกได้ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท ใครขายเกิน 2.50 บาท ถือว่าขายเกินราคา ถ้าจะจับกุมดำเนินคดี จะมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอาจโดนข้อหาร่วมอีกข้อหาหนึ่งถ้าขายเกินราคา คือ ค้ากำไรเกินควร จะโดนอีกข้อหาหนึ่งโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

หน้ากากอีกประเภทหนึ่ง คือ หน้ากากทางเลือก ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ต้นทุนนำเข้าหรือต้นทุนการผลิตในประเทศไปจนถึงผู้บริโภคจะบวกอีกไม่เกินร้อยละ 60 รวม VAT แล้ว เช่น ถ้านำเข้า 1 บาท ขายได้ไม่เกิน 1.60 บาท ถ้าเกินจากนี้ถือว่าขายเกินราคากำหนดและอาจพ่วงข้อหาค้ากำไรเกินควรนี่คือประกาศฉบับที่ 10 และประกาศฉบับที่ 11 สำหรับเจลล้างมือต้องไม่ขายสูงกว่าราคาที่เคยแจ้งไว้กับกรมการค้าภายใน

สำหรับกรณีการจัดสรรหน้ากากอนามัย 1.2 ล้านชิ้นต่อวันไปยังภาคส่วนต่างๆ นั้นได้มีศูนย์กระจายหน้ากากเกิดขึ้นโดยบริหารจัดการร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีรองเลขาธิการ อย. เป็นผู้แทน และอธิบดีกรมการค้าภายในผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยกันจัดสรรว่าจะไปที่ใดบ้างได้มีข้อตกลงร่วมกันเบื้องต้นว่า 700,000 ชิ้น นั้นกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบ ระบายไปยังสถานพยาบาลทุกชนิดทุกประเภท ทุกหน่วย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุดจำนวน 700,000 ชิ้น และกรมการค้าภายในจะบริหารจัดการ 500,000 ชิ้นที่เหลือ ไปบริหารจัดการกระจายไปยังภาคส่วนต่างๆ เช่น ร้านขายยา การบินไทย ร้านธงฟ้า และร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่งที่อยู่ในระบบตลาดทั้งหมดจะมีการบริหารจัดการรายวัน หากไม่เพียงพอต้องปรับตัวเลขทุกวันซึ่งประชุมร่วมกัน

ถ้าเป็นหน้ากากสีเขียวหน้ากากที่ใช้เพื่อการแพทย์ 1,200,000 ชิ้นต่อวันนั้นขายได้ไม่เกิน 2.50 บาท ถ้าเกินถือว่าขายเกินราคา ถ้าแพงมากกว่านั้นถือว่าค้ากำไรเกินควร โดนสองข้อหา และถ้าไม่จำหน่ายเอาไปเก็บไว้ในปริมาณที่เข้าค่ายการกักตุนเพราะดำเนินคดีข้อหากักตุนด้วย เป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดเข้าไปดู

ถ้าเป็นโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขศูนย์กระจายหน้ากากได้บริหารจัดการแบ่งสัดส่วนให้ไปแล้วด้วยความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุขโดยรองเลขาธิการ อย. ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะร่วมกับองค์การเภสัชกรรมรับไป 700,000 ชิ้น ถ้าเป็นโรงพยาบาลทั่วไประดับจังหวัดหรือโรงพยาบาลศูนย์ จัดอยู่ในเครือข่ายของปริมาณที่จัดสรรอยู่ใน 700,000 ชิ้น นั้นอยู่แล้วเป็นหน้าที่ที่กระทรวงสาธารณสุขต้องไปทำความเข้าใจและบริหารจัดการกันเองภายใน ถ้ารวมทั้งระบบแล้ว 700,000 ชิ้นไม่พอให้มาประชุมร่วมกันในส่วนบริหารจัดการซึ่งมีตัวแทนกระทรวงอยู่แล้วประธานร่วมกับกรมการค้าภายในอาจต้องเพิ่มเป็น 750,000 ชิ้น 800,000 ชิ้น เป็นต้น โดยแบ่งจากสัดส่วนของประชาชนทั่วประเทศเพราะตัวเลขรวมคือ 1,200,000 ชิ้นต่อวัน

โดยนโยบายเราให้ความสำคัญกับสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ก่อนที่จะใช้หน้ากาก Surgical mask หรือหน้ากากเขียวซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดและค่อยเป็นประชาชนทั่วไปสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุขให้คำแนะนำแล้วว่าสามารถใช้หน้ากากทางเลือกโดยเฉพาะหน้ากากผ้าได้ต้องเร่งรัดสนับสนุนให้บุคลากรฝ่ายต่างๆ ภาคเอกชนในการปกครองท้องถิ่น ซึ่งสนับสนุนและประกาศสามฉบับไม่ได้ควบคุมหน้ากากทางเลือกสามารถใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ได้ตามกระทรวงสาธารณสุขให้คำรับรองไว้ถือเป็นหน้ากากทางเลือกนอกเหนือจาก 1,200,000 ชิ้นต่อวัน ที่เป็นหน้ากากทางการแพทย์ ซึ่งสามารถซักได้เก็บไว้ใช้หลายครั้งได้ และศูนย์กระจายหน้ากากให้ดูเผื่อแรงงานผิดกฎหมายด้วย เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน