วันนี้ (3 ก.พ.) ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวขณะแถลงข่าวเรื่องการรับมือไวรัสอู่ฮั่น ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุถึงความพร้อมในการเคลื่อนย้าย 160 คนไทยที่อู่ฮั่น ว่า ภารกิจนี้เราได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เราจะส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านระบาดวิทยาและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลสุขภาพจิตขึ้นไปประจำเครื่องด้วย เพื่อดูแลคนไทยที่อู่ฮั่น
ทั้งนี้ ก่อนที่คนไทยที่อู่ฮั่นจะได้ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ จะต้องผ่านการตรวจโรคจากทางการจีนก่อน เป็นด่านสกัดโรคด่านแรก และเมื่อมาถึงประเทศไทย ต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมโรคอีก 14 วัน ได้เตรียมสถานที่เอาไว้ 2-3 ที่ แต่ส่วนจะใช้ที่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สำหรับสถานที่ที่ใช้ควบคุมโรคนั้น เราต้องเข้าใจว่าคนไทยที่อู่ฮั่นเจอสภาพกดดันมาตลอดเกือบ 1 เดือน
ดังนั้นเมื่อกลับมาที่ประเทศไทย ต้องอยู่ในที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ต้องไม่เครียดมากไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรค มาจาก 160 คนไทยที่กลับประเทศมาอย่างแน่นอน สำหรับญาติพี่น้องที่ต้องการจะเข้าเยี่ยม 160 คนไทยขอย้ำว่าไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารพูดคุยกันได้
การที่เราได้คิวไปรับคนไทยในวันที่ 4 ก.พ. ถ้ามองในแง่ดี ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทางการจีนมีประสบการณ์ในการลำเลียงคนมาแล้วเมื่อมาจัดการกับคนไทยจึงไม่น่ามีปัญหา นอกจากนั้นการที่ทางการไทยไม่ดึงดันจนเกินไป ยังเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ
ส่วนตัวอยากร่วมทำภารกิจนี้มาก แต่ไม่สามารถบินไปด้วยได้เพราะเมื่อกลับมาถึงประเทศต้องถูกคุมโรค 14 วันจะกระทบต่อการทำงาน สำหรับประชาชน วิธีการป้องกันไวรัสโคโรน่าคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อย่าลืมใส่หน้ากาก และออกกำลังกายเป็นประจำ
ยืนยันยารักษาไม่ใช่ของใหม่ เกิดจากการประยุกต์ใช้ยาที่มีอยู่เท่านั้น
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การประยุกต์สูตรยารักษาโคโรนาไวรัสนี้ ที่เป็นยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ และยาต้านไวรัสเอดส์ ริโทนาเวียร์ และโลพินาเวียร์ ทางทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีได้ทำและจ่ายยาให้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในโรงพยาบาล รวม 3 คน แต่พบว่า 1 คน มีอาการแพ้ยา จึงหยุด ขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 คนที่ยังรับยาอยู่อาการดีขึ้น ซึ่งเกณฑ์การจ่ายยาให้กับผู้ป่วยที่เป็นคนไข้ทั้งหมดทุกรายนั้นไม่สามารถระบุได้ เพราะการรักษาด้วยสูตรยานี้ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานการรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และการตัดสินใจ พร้อมต้องติดตามดูแล
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่เป็นกระแสตำหนิว่าการรักษาของไทยไม่ใช่ของใหม่นั้น ยืนยันว่าเป็นความบังเอิญของความคิดที่แพทย์ไทย และจีนมีตรงกัน แต่ประยุกต์คนละสูตร โดยจ่ายยาต้านไวรัสเอดส์ ริโทนาเวียร์ รวมกับโลพินาเวียร์วันละ 2 เม็ด 2 เวลา ส่วนโอเซลทามิเวียร์ วันละ 2 เม็ด 2 เวลา ซึ่งสรรพคุณยาต้านเอดส์ช่วยยับยั้งการกระจายตัวของเชื้อ ส่วนยาต้านหวัดช่วยยับยั้งเชื้อที่เข้าไปในเซลล์ โดยโรงพยาบาลราชวิถีเริ่มจ่ายยาต้านไวรัสนี้เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา