เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในวาระที่ 2 ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม
รมว.คลังแจงปรับลดงบฯ 1.6 หมื่นล้าน เพิ่มให้งบกลางแก้ปัญหาโควิด
โดย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2565 เสนอร่างรายงานงบประมาณประจำปี 2565 ที่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้ว ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่ 2 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณารายละเอียดงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณรวม 732 หน่วยรับงบประมาณ
โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ให้ความสำคัญในการพิจารณารายละเอียดงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยคณะกรรมาธิการฯได้มีข้อเสนอเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายในด้านต่างๆ รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และเสริมสร้างอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19
โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ปรับลดงบประมาณลงจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท โดยการปรับลดงบประมาณนั้น ทางคณะกรรมาธิการได้พิจารณาปรับลดจากความคุ้มค่า เช่น ตัดรายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน รายการที่สามารถปรับรถเป้าหมายและวิธีดำเนินการให้เกิดความประหยัด เช่น การฝึกอบรมสัมมนา การจ้างเหมาบริการ เป็นต้น
อาคม กล่าวว่า ขณะเดียวกันทางคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเพิ่มงบประมาณให้กับงบกลาง และ รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อให้รัฐบาลนำไปสำรองไว้ในการบรรเทาและแก้ปัญหาเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 โดยครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม นอกจากนั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เช่น
การเปลี่ยนแปลงงบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมจำนวน 38 ล้านบาท ไปเป็นงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม ฉบับที่ 20
ทั้งนี้ ต้องเรียนว่าการพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ทั้งในส่วนของการปรับลดและเพิ่มงบประมาณ ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความพร้อมและศักยภาพความซ้ำซ้อนของแต่ละหน่วยงาน และรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่มีประโยชน์ต่อประชาชนเป็นสำคัญเพื่อให้สามารถดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายจำนวน 3.1 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตามต้องขอขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญทุกท่าน ที่ได้เสียสละเวลาและร่วมมือกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2565 อย่างเต็มที่จนสำเร็จรุร่วงไปได้ด้วยดี ขณะเดียวกันต้องขอบคุณหัวหน้าหน่วยงานและผู้รับงบประมาณทุกท่าน ที่ได้ให้ความร่วมมือในการชี้แจงรายละเอียดและจัดเตรียมเอกสารให้คณะกรรมการพิจารณาเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันคณะกรรมาธิการวิสามัญยินดีที่จะชี้แจงงบประมาณแก่สมาชิกในทุกมาตรา
'พิธา' แนะ สูตรรีดไขมัน ชี้ประชาชนต้องการวัคซีน ไม่เอากระสุุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากน้ันที่ประชุมสภาฯ เริ่มพิจารณา มาตรา 4 กรอบวงเงินงบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท มีผู้อภิปรายจำนวนมาก
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการฯ กล่าวว่า กรรมาธิการงบฯ สามารถปรับลดงบประมาณได้ 1.6 หมื่นล้าน แต่ก็ยังไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย เพราะเราต้องรื้อโครงสร้างรัฐเพื่อศักยภาพของประเทศ 2 ระดับ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทั้งระดับจุลภาคและมหภาค
พิธา กล่าวว่า ในระดับจุลภาคนั้น สามารถรีดไขมันได้อีก โดยไขมันประเภทที่ 1 คือสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ต่อวิกฤติที่ประเทศกำลังพบเจออยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของความมั่นคง โดยวันนี้ประชาชนต้องการความมั่นคงด้านสุขภาพ ประชาชนต้องการวัคซีน ไม่ได้ต้องการกระสุน แต่กระทรวงกลาโหม ยังมีการซื้อยุทโธปกรณ์ อาวุธขนาดใหญ่ ที่คิดว่าคงไม่ได้ใช้ในเร็วๆนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วสามารถตัดงบได้ถึง 30,000 ล้านบาท แต่ตัดจริงแค่ 3,000 ล้านบาท หรือ 10%
พิธา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีงบของความมั่นคงอื่น ไม่ว่าจะเป็น อาวุธปืนของตำรวจและของมหาดไทย บิ๊กเดต้าของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน) รวมถึงตำรวจและ ทหาร พร้อมกันนี้ ยังพบว่า ตำรวจได้สะสมอาวุธปืน 600 เท่าใน 10 ปีที่ผ่านมา จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ในปี 2565 จะต้องมีงบประมาณในการจัดซื้อปืนตำรวจไปอีกทำไม
พิธา กล่าวว่า ไขมันประเภทที่ 2 คือการเน้นลงทุนในสิ่งก่อสร้างมากกว่าชีวิตคน เช่น งบประมาณอาคารสำนักงานจังหวัด บ้านพักข้าราชการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท ตัดได้เพียงประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ขณะที่งบประมาณด้านสวัสดิการประชาชน เช่น งบบัตรคนจนถูกตัดไปประมาณ 20,000 ล้านบาท ประกันสังคมถูกตัด 1.9 หมื่นล้าน จะเห็นว่าประเทศให้ความสำคัญกับสิ่งปลูกสร้างมากกว่าชีวิตของคน
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ ไขมันประเภทที่ 3 คืองบประมาณที่มีพิรุธ ราคาสูงกว่าท้องตลาด ซึ่งจะสามารถตัดได้อีกหลายหมื่นล้าน
เขา กล่าวว่า ส่วนในระยะยาวต้องมีการจัดกระดูกรัฐราชการไทยใหม่ เพราะโครงสร้างที่มีปัญหาก่อให้เกิดความฟุ่มเฟือย ถ้าโครงสร้างยังมีปัญหาอยู่ ประเทศไทยจะไม่สามารถเดินไปสู้อนาคตได้ ยกตัวอย่างกระทรวงกลาโหม ที่มีสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม และมีกองบัญชาการกองทัพไทย มีกรมพระธรรมนูญ และสำนักงานพระธรรมนูญทหาร โดยสองหน่วยงานดูแลเรื่องเดียวกัน แต่แยกกันดู ส่วนกระทรวงคมนาคม มีกรมท่าอากาศยาน และบริษัทท่าอากาศยานไทย มีกรมทางหลวง และกรมทางหลวงพิเศษแห่งประเทศไทย โดยมีภารกิจคล้ายคลึงกัน
ศิริกัญญา แนะยุบหน่วยงานซ้ําซ้อน
ด้าน ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ขอเสนอตัดลดงบประมาณลงอีก 1 แสนล้าน ให้งบประมาณปี 2565 บาท เหลือเพียง 3 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ เราต้องปรับโครงสร้างของงบประมาณให้สอดคล้องกับวิกฤต งบประมาณปี 2565 มีค่าใช้จ่ายของบุคลากรคิดเป็น 40% เพิ่มขึ้นจาก 37% ดังนั้น จึงจะต้องชะลอการเพิ่มหน่วยงานใหม่ พร้อมทบทวนการมีอยู่ของสำนักงานจังหวัด สำนักงานในต่างประเทศ เช่น ตำแหน่งผู้แทนการค้าไทย ซึ่งไม่ได้มีการแต่งตั้งมาตั้งแต่ปี 2557 แต่ปัจจุบันยังมีการสงวนอัตราและงบประมาณไว้ปีละประมาณ 5 ล้านบาท
ศิริกัญญา สำหรับเรื่องการกระจายอำนาจ หน่วยงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคห่วงอำนาจด้านงบประมาณของตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมกระจายภารกิจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ทำหน้าที่ของตนเอง โครงการแก้มลิง ซึ่งกรมชลประทานห่วงของเอาไว้ทำเองร้อยกว่าโครงการ แทนที่จะโอนไปให้ส่วนท้องถิ่น กลับทำให้กรมชลประทานขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“แม้แต่งานเก็บผักตบชวาก็ยังไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ให้อยู่ในความดูแลของกรมต่างๆกว่า 6 กรม ทำงานเก็บผักตบชวา ซึ่งแน่นอนว่าต้องเก็บทุกปีและตั้งงบใหม่ได้ทุกปี ต้องพิจารณายกเลิก ยุบ ควบรวมหน่วยงานต่างๆ โดยมีรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่ควรจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กร หลายแห่งไม่ได้มีรายได้แล้ว แต่ยังคงเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ เพราะเป็นองค์กรรัฐประเภทเดียวที่ได้รับโบนัส” ศิริกัญญา กล่าว
จิรายุ อัดราชการจัดงบใช้ไม่ได้
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการ อภิปรายว่า ขอสงวนความเห็นตัดลดงบประมาณลง 10% หรือ 3.1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ จากการทำหน้าที่กรรมาธิการเห็นว่า หน่วยงานราชการแต่ละกระทรวง จัดทำงบประมาณแบบใช้ไม่ได้ ไม่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน อ้างว่าทำงบประมาณไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่จริงแล้วสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หลายหน่วยงานจัดงบประมาณในส่วนของการอบรมสัมมนาเหมือนกับที่เคยทำมา ไม่ได้ปรับปรุงแก้ไข เมื่อปรับลดก็เกิดการโวยวาย
“การที่ขอตัดลดงบประมาณลง 10% เพื่อลดการขาดดุล เพื่อที่ลุงตู่หรือนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะได้ไม่ต้องไปกู้อีก เพราะการจัดทำก็ประมาณครั้งนี้ไม่สมดุลย์กับเหตุการณ์บ้านเมือง อีกทั้งที่ผ่านมานายกฯ ก็กู้มาหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะเป็น 1 ล้านล้าน 5 แสนล้าน และ 1.7 แสนล้าน"
เวลา 12.25 น. ที่ประชุมสภาฯลงมติเห็นชอบมาตรา 4 กรอบวงเงินงบประมาณ 3.1 ล้านล้าน ด้วยคะแนน 224 ไม่เห็นด้วย 39 งดออกเสียง 38 ไม่ลงคะแนน 11