ไม่พบผลการค้นหา
ม็อบราษฎรตั้งโต๊ะครั้งแรกกลางราชประสงค์ล่าชื่อยกเลิก ม.112 ได้ราว 3,500 คน ด้านรุ้ง ปนัสยา อ่านแถลงการณ์ พร้อมกรีดแขนยืนยันการต่อสู้ ขณะที่สมยศอ่านแถลงการณ์ของเพนกวินจากเรือนจำ ส่วนครูใหญ่ อรรถพล ท้าทายทุกพรรคการเมืองแสดงจุดยืนชัดๆ เป็นรูปธรรม
ม็อบราษฎรยกเลิก 112 - 31 ต.ค.64

31 ต.ค.2564 ‘คณะราษฎรยกเลิก 112’หรือ ครย.112 นัดชุมนุม 'ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112' เพื่อเรียกร้องยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 และให้คืนสิทธิการประกันตัวแก่นักกิจกรรมที่ถูกคุมขังในเรือนจำ จัดโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มทะลุฟ้า, กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก, กลุ่มสลิ่มกลับใจ, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี, สหภาพคนทำงาน, เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และ We Volunteer พร้อมกันนี้มีการตั้งโต๊ะครั้งแรกให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งลงชื่อ เตรียมรวบรวมต่อไปไม่น้อยกว่า 10,000 ชื่อตามรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อรัฐสภา 

 กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น บรรยากาศการชุมนุมมีประชาชนทยอยมาร่วมจำนวนมาก ขณะที่การดูแลความเรียบร้อยการจัดกิจกรรม มีกำลังตำรวจนครบาลรักษาความเรียบร้อยอยู่โดยรอบนอกพื้นที่จัดกิจกรรม จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น.ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มวลชนที่อยู่ในพื้นที่จัดกิจกรรมต่างวิ่งหาที่หลบฝน แต่ยังคงมารวมตัวกันต่อหลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลาประมาณ 20.00 น. ไอลอว์สามารถรวบรวมรายชื่อในวันนี้ได้ราว 3,500 ชื่อ 

รุ้งกรีดแขนยืนยันการต่อสู้ หลังอ่านแถลงการณ์

รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ราษฎรยกเลิกมาตรา 112 พร้อมทั้งกรีดแขนเป็นเครื่องยืนยันการต่อสู้ 

"และเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ รวมถึงกระทั่งชีวิต ในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเรียกร้องของเรา การยกเลิก 112 และอีก 3 ข้อ รวมถึงข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" ก่อนกรีดแขนเป็นรูปเลข 112 และขีดฆ่า ท่ามกลางการตะโกนข้อความว่า ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ นับสิบครั้ง

รุ้งกรีดแขนรุ้งกรีดแขน

แถลงการณ์คณะราษฎรยกเลิก 112 ที่ปนัสยาอ่าน มีเนื้อหาว่า

แถลงการณ์คณะราษฎรยกเลิก 112

เรื่อง ปล่อยนักโทษการเมือง - ยกเลิกม.112

ตั้งแต่ปี 2563 คณะราษฎรได้ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ คือ 1. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพต้องลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นฉบับของประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ โดยทั้ง สามข้อนี้คือข้อเรียกร้องที่จะนำไปสู่หลักการประชาธิปไตยที่ว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย” เพราะเมื่อได้ชื่อว่ามนุษย์ย่อมไม่มีใครอยู่เหนือกว่าใคร หากแต่ทุกคนคือประชาชนผู้เสมอภาคและเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน

ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ประการ ที่ถูกเสนอเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นข้อเสนอด้วยความห่วงใยเพื่อมุ่งหวังที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจากระดับฐานราก เป็นการตั้งคำถามต่อวัฒนธรรมเชิดชูตัวบุคคล โดยความมุ่งหวังที่จะให้สถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตยอย่างสากลอารยประเทศ และสามารถถูกตรวจสอบได้อย่างสุจริตและโดยชอบด้วยกฎหมายในฐานะหนึ่งในสถาบันหลักที่สำคัญของชาติ

ปัจจุบันมีปัญหาทางการเมืองหลายประการที่ต้องถูกกล่าวถึงโดยการวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าราษฎรนั้น ก็เพื่อให้ปัญหาทั้งหลายได้ดำเนินไปสู่การแก้ไข แต่บรรดาผู้เรียกร้องทางการเมืองมากมายที่ออกมากระทำการดังกล่าว กลับถูกกฎหมายอาญามาตรา 112 จับกุมคุมขังและดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ทนายความ ศิลปิน นักการเมือง พยาบาล แม่ค้าและราษฎรอีกมากมายนับไม่สิ้น เพียงเพราะแค่พวกเขาเหล่านั้นมุ่งหวังถึงอนาคตที่ดีกว่า

ปัญหาทางการเมืองที่ถูกหมักหมมเอาไว้หลายทศวรรษ บัดนี้ ได้เริ่มเป็นปัญหาที่มากขึ้น จนไม่สามารถปิดบังไว้ได้อีกต่อไป ณ เวลานี้ มีราษฎรที่ถูกดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญามาตรา 112 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งในทางจำนวนมากถึง 159 คดี และจำนวนคดีต่อคนคือ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 ถึง 21 คดีและยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ

ทำให้เห็นได้ว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่อนารยะล้าหลัง เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เป็นการทำลายการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เป็นเครื่องมือเพื่อรักษาอำนาจการปกครองของเหล่าอภิสิทธิชนและอำนาจนอกระบบที่ครอบงำการเมืองไทยมาแสนยาวนาน และเป็นปราการด่านแรกที่ใหญ่และสำคัญอย่างยิ่งที่ราษฎรทุกหมู่เหล่าจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกันเดินหน้ายกเลิกกฎหมายนี้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า

พวกเราคณะราษฎรยกเลิก 112 จึงขอเรียกร้องต่อคณะตุลาการผู้ผดุงซึ่ง สิทธิ เสรีภาพและความยุติธรรมของราษฎรทั้งหลาย และต่อรัฐสภาที่ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชน ดังต่อไปนี้

1.ให้สิทธิในการประกันตัว และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคนออกมาจากเรือนจำ

2.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112

ณ เวลานี้เป็นเวลาที่สมควรแล้ว พวกเราคณะราษฎรยกเลิก 112 (ครย.112) จะเริ่มทำการผนึกกำลังของราษฎร ทุกสาขาทุกอาชีพ ทุกกลุ่มองค์กรและบุคคลต่างๆ พวกเราจะทำการต่อสู้ด้วยแรงใจ แรงกาย ในการรวบรวมราษฎรเพื่อเรียกร้องเข้าชื่อเสนอกฎหมายและการประกันตัวของนักต่อสู้ทางการเมือง เพื่อขับเคลื่อนให้สังคมไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้าและมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยเสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ

“ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ”

คณะราษฎรยกเลิก112 (ครย.112)

31 ตุลาคม 2564

แยกราชประสงค์

ม็อบราษฎรยกเลิก 112 - 31 ต.ค.64ยิ่งชีพ อัชฌานนท์

เพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางไกล

ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อประชาชนหรือ ไอลอว์ กล่าวปราศรัยโดยตั้งคำถามเริ่มต้นว่า แปลกหรือไม่ บ้านเมืองในเวลานี้การจะพูดเรื่องที่สำคัญของบ้านเมืองกลับต้องคอยระวังไม่ให้ใครได้ยิน และเราอยู่ในสภาวะนี้มาหลายปีแล้วที่สังคมไทยถูกปกคลุมด้วยความหวาดกลัว สื่อมวลชน นักการเมือง ข้าราชการ ล้วนอยู่ในสภาวะอึดอัด ไม่สามารถแสดงความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา

ยิ่งชีพกล่าวว่า ประชาชนก็คงอึดอัดเช่นกัน ประวัติศาสตร์ถูกเขียนขึ้นโดยใครก็ไม่รู้ที่ตั้งคำถามไม่ได้ว่าจริงหรือเปล่า อนาคตถูกออกแบบโดยใครก็ไม่รู้โดยเราไม่ได้มีส่วนร่วม เรื่องที่เราอยากรู้ก็ไม่ได้รู้ เรื่องไม่อยากรู้กลับอยู่ในหนังสือเรียนกระแสหลักที่บังคับให้เราจดจำ การชุมนุมทางการเมืองแต่ละครั้งที่รุนแรงเกิดอะไรขึ้น ทำไมทหารยึดอำนาจครั้งแรกครั้งเล่า ทำไมพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีใครเอาแล้ว ไม่ได้รับความนิยม ส.ส.ก็มีน้อยกว่าแต่ยังลอยหน้าในตำแหน่งนายกฯ หลายคนมีคำตอบอยู่ในใจ เห็นอยู่แล้ว มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่พูดไม่ได้ บางคนอยากทำความเข้าใจมากขึ้นก็หาความรู้ไม่ได้

"ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยกับการชุมนุมวันนี้หรือไม่ ไม่ว่าจะเห็นอย่างไรกับข้อเสนอปฏิรูปสถาบัน ลองถามตัวเองว่าสังคมแบบนี้เป็นปกติจริงหรือเปล่า เราทราบว่าสังคมต้องมีกฎหมาย ทราบว่าชื่อเสียงบุคคลต้องได้รับการคุ้มครองตามระบบกฎหมาย แต่เราเชื่อว่าจะดีกว่า ถ้ามีกฎหมายที่ชัดเจน รู้ได้ว่าพูดอะไรผิด อะไรไม่ผิด อะไรเป็นความจริง เป็นเหตุเป็นผล บนพื้นฐานประโยชน์สาธารณะ เราต้องพูดได้โดยไม่มีวันผิด เราเชื่อว่าจะดีกว่า ถ้าใครว่าร้ายให้บุคคลเสียหายก็ถูกดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรม ด้วยบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมที่ปราศจากอคติ พิจารณาและตัดสินไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่ต้องพิจารณาบรรยากาศทางการเมือง ไม่ต้องมองซ้ายมองขวา มองบนมองล่างว่าคดีนี้จะเอายังไง เราเชื่อว่าจะดีกว่า ถ้ามีปัญหาอะไรก็ตามที่คนเห็นต่างกัน เอาทุกเรื่องคุยบนโต๊ะ เอาหลักฐานเอาข้อเท็จจริงมาถกเถียงกันแล้วให้ประชาชนทุกคนช่วยกันตัดสิน เราเชื่อว่าน่าจะดีกว่า ถ้าได้อยู่ในสังคมที่ไม่มีใครเลยต้องติดคุกเพียงเพราะแสดงความเห็นทางการเมือง เรียกร้องสังคมที่ดีกว่า เรียกร้องให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจประเทศอย่างแท้จริง" ยิ่งชีพกล่าว

ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64LINE_ALBUM_ม๊อบ31-10-64 แยกราชประสงค์_211031_6.jpg

"แต่เราไม่เคยเห็นวันนั้นเลย นี่เป็นครั้งแรกที่พี่น้องประชาชนมานั่งที่ราชประสงค์และยืนยันเจตนารมณ์ให้ยกเลิกมาตรา 112 เร็วๆ นี้จะมีพี่น้องประชาชนเข้าชื่อกันมากที่สุดเพื่อยื่นต่อสภาให้ยกเลิกมาตรา 112 มีหลายอย่างที่เราไม่เคยทำและกำลังจะได้ทำเป็นครั้งแรก ดังนั้นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นในประเทศนี้มันกำลังค่อยๆ เกิดขึ้น แต่คงไม่มีใครฝันลมๆ แล้งๆ ว่า คนรวมตัวกันหลายพัน แล้วพรุ่งนี้สภาจะเปิดมาเพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยทันที"

"เรารู้อยู่แล้วว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่สำเร็จง่ายๆ ข้อเรีกยร้องยกเลิกมาตรา 112 เป็นการเดินทางระยะยาว...การเข้าชื่อให้ครบ 10,000 คนตามรัฐธรรมนูญเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่กว่าที่ข้อเสนอจะเดินทางเข้าสู่รัฐสภาเพื่อหาทางออกยังเป็นเส้นทางอีกยาวไกล เรารู้ว่าการเดินทางไกลครั้งนี้จะเดินด้วยกันเฉพาะพวกเราแค่นี้ไม่เพียงพอ งานสำคัญ ยังมีพี่น้องอีกหลายล้านคนที่ไม่เข้าใจว่ามาตรา 112 คืออะไร มีปัญหาอย่างไร และจะทำอย่างไรกับมันดี จึงเป็นภารกิจของเราทุกคนที่ต้องช่วยกัน เมื่อเจอคนรอบตัวไม่เข้าใจ ต้องชวนเขามาเข้าใจด้วยกัน มาเดินทางไกลกับเรา เมื่อไรที่เราสะสมกำลังมากเพียงพอ แล้วออกเดินทางไกล ยืนระยะได้จนถึงปลายทาง วันนั้นสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็อาจเห็นได้ วันนั้นการเอา 112 ออกจากประมวลกฎหมายอาญาก็อาจไม่ยากที่จะเกิดขึ้น หรือแม้เขียนไว้แต่ไม่ถูกบังคับใช้ หรือบังคับใช้เป็นธรรมกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรการเดินทางของเราก็คุ้มค่าและมีคุณค่า" ย่ิ่งชีพกล่าว

อรรถพล บัวพัฒน์ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64

ท้าทุกพรรคพูดชัดๆ เรื่อง 112

ขณะที่อรรถพล บัวพัฒน์ แกนนำพรรคก้าวล่วง ได้ออกมาเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับการยกเลิกมาตรา 112 

"ในนามของพรรคก้าวล่วง ขอประกาศว่า เราจะต้องประชุมใหญ่พรรคก้าวล่วงกันที่นี่ ใครที่ประกาศหล่อๆ ว่าจะยกเลิก 112 ใครประกาศว่าพร้อมเป็นเสาเป็นคาน ใครประกาศไม่เอากฎหมายละเมิดสิทธิ ทุกพรรคการเมืองจะได้รับเทียบเชิญให้ส่งตัวแทนมาพูดบนเวทีพรรคก้าวล่วง เอากันให้ชัดๆ ไม่ต้องแอบ ไม่ต้องทำท่า พูดกันออกมาให้ชัดให้ประชาชนได้พึ่งพิงกันด้วย" อรรถพลกล่าว 

สมยศ พฤกษาเกษมสุข อ่านแถลงการณ์จากเรือนจำของเพนกวิน

สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมและอดีตผู้ต้องขังในคดี 112 ได้กล่าวปราศรัยโดยความตอนหนึ่งเป็นการอ่านแถลงการณ์ของเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ สรุปได้ว่า เมื่อ พ.ศ.2517 มีคนถูกจับกุมคุมขังด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพียงเพราะตีพิมพ์บทกวีสั้นๆ ว่า "จูงวัวมาแจก แบกแกะมาสู่ หาหมูมาให้เลี้ยง เชอะ หาเสียงพวกเทวดา" ในปีนี้ 2564 ก็ยังมีคนถูกดำเนินคดีด้วยม.112 เพียงเพราะโพสต์เฟซบุ๊กว่า "เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ" นั่นแสดงให้เห็นถึงความไร้แก่นสารของมาตรา 112 ได้อย่างชัดเจน ยังไม่รวมว่าช่วงสิบปีให้หลังนี้กฎหมายดังกล่าวถูกใช้อย่างบ้าคลั่งเพื่อลงโทษคนนับร้อยพันคนด้วยเหตุผลต่างๆ กัน บางคนถูกลงโทษเพราะตั้งคำถามต่อการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 บางคนถูกลงโทษเพียงเพราะตั้งคำถามต่อกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย บางคนถูกลงโทษเพียงเพราะตั้งคำถามต่อเบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในอดีต หรือกระทั่งคนที่เพียงตั้งคำถามทางวิชาการว่าพระนเรศวรได้กระทำยุทธหัตถีจริงหรือเปล่า พวกเขาที่ตกเป็นเหยื่อของกฎหมายบ้าคลั่งตั้งแต่คนธรรมดาถึงคนชั้นสูง แม้แต่คนในราชสำนัก อดีต รมต. ผู้ชุมนุมทางการเมือง นักสิทธิมนุษยชน นักธุรกิจ ศิลปิน พ่อค้า แม่บ้าน ภิกษุสามเณร นักเรียนมัธยม ตลอดจนผู้ป่วยจิตเวช ทั้งหมดนี้ชี้ชัดว่ามาตรา 112 เป็นกฎหมายไร้สาระ ป่าเถื่อน ล้าหลัง เป็นภัยต่อคนทุกชนชั้น ทุกฐานะ ทุกอาชีพ 

"มาตรานี้ทั้งละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน สร้างรอยร้าวในสังคมเพราะความอยุติธรรมนำมาซึ่งความเจ็บปวด และความเจ็บปวดกลายเป็นบาดแผลที่ยากจะสมานได้ จนกว่าจะได้รับการแก้ไข และมันยังเป็นกฎหมายอัปยศที่นำมาซึ่งความอับอายของประเทศชาติ เพราะกฎหมายนี้เป็นเครื่องมือปกปิดความจริง เป็นเครื่องมือยืนยันต่อสายตาประชาคมโลกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ป่าเถื่อน ไม่คุ้มคอรองสิธิเสรีภาพของประชาชน"

"แม้ผู้ชุมนุมหลายคนจะถูกรัฐปราบปรามอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าเขาเหล่านั้นยังกล้าหาญพอที่วางอิสรภาพของตนเป็นเดิมพันเพื่อยืนหยัดในความเชื่อและความจริงของตนเองและคณะที่ถูกจองจำอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น หากท่านเป็นผู้รักประชาธิปไตย รักสิทธิเสรีภาพ ต้องร่วมกันเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายนี้ เพื่อปลดปล่อยความคิด คำพูดของคนไทยให้เป็นอิสระจากโซ่ตรวนพันธนาการที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว หากท่านไม่ได้ศรัทธาในประชาธิปไตย แต่ยังรักและภูมิใจในประเทศของเรา ท่านต้องร่วมเรียกร้องให้ยกเลิกเช่นกัน เพื่อให้ประเทศไทยมีที่ยืนในสายตาประชาคมโลก และถึงท่านไม่ได้ศรัทธาประชาธิปไตย และไม่สนใจสายตานานาชาติด้วย แต่ยังรักสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องการให้สถาบันพระมหากษัติย์ดำรงอยู่อย่างสง่างาม ท่านก็ต้องร่วมเรียกร้องให้ยกเลิก เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแบบสากล และสุดท้ายแม้ท่านจะไม่สนใจสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงเลย ท่านก็ควรร่วมกันเรียกร้องให้ยกเลิก เพื่อไม่ให้ใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งคนรอบตัวของคุณ กระทั่งตัวคุณ รวมทั้งคนที่คุณรักอย่างที่สุด" แถลงการณ์ระบุ  

"การยกเลิกมาตรา 112 คือการปลดปล่อยประชาชนจากพันธนาการไปสู่อิสรภาพ ปลดปล่อยสังคมจากความล้าหลังไปสู่ความก้าวหน้า และปลดปล่อยเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วย 1 ล้านชื่อของประชาชนที่ยืนยันประกาศเจตนารมณ์ว่ามาตรา 112 จะต้องถูกยกเลิก และจะต้องไม่มีใครถูกกลั่นแกล้ง ถูกคุมขังหรือทุกข์ทรมานจากกฎหมายมาตรานี้อีกต่อไป สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอส่งความหวัง ความเชื่อมั่น และกำลังใจจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถึงพี่น้องที่รว่มกันเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายป่านเถื่อนนี้ทุกท่าน" แถลงการณ์ระบุ 

ม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64สมยศ พฤกษาเกษมสุขลูกนัทม็อบราษฎรยกเลิก 112-31 ต.ค.64