ไม่พบผลการค้นหา
โจ ไบเดน เตรียมงัดมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาอีกครั้ง หลังรัฐประหาร พร้อมเปลี่ยนคำเรียกประเทศ - จี้กองทัพปล่อยตัวอองซาน ซูจี

ทำเนียบขาว เผยแพร่แถลงการณ์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อเหตุรัฐประหารใน 'เบอร์มา' (Burma) โดยระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมเตรียมฟื้นมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าอีกครั้ง หลังกองทัพยึดอำนาจจากพรรคสันนิบาตรแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดีที่ชนะการเลือกตั้ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัว อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ, ประธานาธิบดีวิ่นมินต์ รวมถึงแกนนำพรรคเอ็นแอลดีทันที

คำแถลงของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การยึดอำนาจของทหารในพม่าในการควบคุมตัวอองซานซูจี และเจ้าหน้าที่พลเรือนรายอื่นๆ รวมถึงประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปีนี้ เป็นการทำร้ายโดยตรงต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมของประเทศในระบอบประชาธิปไตยนั้น กองทัพไม่ควรทำลายเจตจำนงของประชน หรือพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้ง เป็นเวลาเกือบทศวรรษที่ประชาชนในพม่าพยายามจัดการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนผ่านอำนาจสู่รัฐบาลพลเรือนอย่างสันติ กระบวนการนี้ควรได้รับความเคารพ

ประชาคมระหว่างประเทศควรผนึกกำลังเป็นเสียงเดียวกันเพื่อกดดันให้ทหารพม่าสละอำนาจที่ยึดจากพลเรือน พร้อมปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวและนักการเมืองในทันที ยกเลิกข้อจำกัดด้านคมนาคมรวมถึงต้องไม่กระทำความรุนแรงต่อพลเรือน สหรัฐฯ จะจับตามมองอย่างใกล้ชิดร่วมกับประชาชนชาวพม่าในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ เราจะ ทำงานร่วมกับชาติพันธมิตรทั่วทั้งภูมิภาค และทั่วโลกเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมตลอดจนผู้มีส่วนรับผิดชอบในการล้มล้างการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยของพม่า

สหรัฐฯ ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจากความก้าวหน้าด้านประชาธิปไตย การย้อนกลับนี้ส่งผลให้จะต้องมีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเราจะพิจารณาการลงโทษอย่างเหมาะสม สหรัฐฯ จะยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ตกอยู่ภายใต้การโจมตี

แถลงการณ์ของทำเนียบขาวได้กลับมาใช้คำเรียกพม่าว่า "เบอร์มา" แทนคำว่า "เมียนมา" ซึ่งครั้งสุดท้ายที่วอชิงตันใช้คำดังกล่าวคือในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา หลังเมียนมากลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยอีกครั้ง โดยสำหรับคำว่าเบอร์มา เป็นคำเรียกพม่าในยุคที่เป็นอาณานิคมอังกฤษ รวมถึงเป็นคำเรียกพม่าในช่วงที่ประเทศยังตกอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหาร

ที่มา : CNN