วันที่ 2 พ.ย. 2565 ที่อาคารรัฐสภา เครือข่ายประชาชนเบียร์ สมาคมคราฟท์เบียร์ สมาคมสุราชุมชนไทย ร่วมกันยื่นหนังสือเรียกร้องให้ ส.ส. ร่วมกันรองรับร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ให้ผ่านวาระ 2-3 เพราะเชื่อว่า จะเป็นการเพิ่มศักยภาพให้วงการสุราพื้นบ้าน และทำให้เศรษฐกิจภาคประชาชนพัฒนาขึ้นอีกมาก ย้ำว่าการผลักดันอย่างตรงจุดคือต้องมาจากเสียงของประชาชน ไม่ใช่เสียงของกระทรวงเดียว โดยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนรับหนังสือ
พิธา กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแก้กฎกระทรวงเกี่ยวกับการผลิตสุราพื้นบ้าน โดยมองว่ามีความแตกต่างจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า อย่างมาก เพราะ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า มุ่งปลดล็อกให้เกิดความเท่าเทียม ลดการเอาเปรียบของทุนใหญ่ แต่กฎกระทรวงเป็นการเปลี่ยนล็อกมาไว้อีกล็อกหนึ่ง เป็นเพียงเครื่องจักรที่สรรพสามิตจะให้อนุญาตเท่านั้น
"การเขียนกฎหมายแบบรัฐราชการเช่นนี้อาจจะตามไม่ทันโลก การแก้ไขกฎกระทรวงเพียง 1 วัน ก่อน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เข้าสู่สภา เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อจะใช้คว่ำ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า ที่ทำมาเป็นเวลานานกว่า 6 ปี ร่วมกับภาคประชาชนที่ช่วยกันระดมความคิดเห็น" พิธา กล่าว
ด้าน เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ระบุว่า ถ้า วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า กฎกระทรวงนี้ทำมา 6 เดือน ตนก็ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า มา 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ตนโดนจับกุม เชื่อว่าวันนี้เป็นปลายทางว่าจะสำเร็จหรือไม่ ก่อนจะไปสู่ด่านต่อไปคือวุฒิสภา หากไม่สำเร็จก็ต้องทำต่อไปอยู่ดีไม่มีทางเลือก
อีกทั้งตนมองว่า การแก้กฎกระทรวงว่าด้วยสุราพื้นบ้าน แต่สื่อสารให้เข้าใจผิดว่าเป็นการปลดล็อกแล้ว ถือเป็นการหลอกลวงครั้งใหญ่จากรัฐบาล และยิ่งเป็นเหตุผลที่ต้องร่วมกันผ่านร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เพราะการแก้กฎกระทรวงเป็นหลักฐานยืนยันแล้วว่า รัฐบาลไม่ยอมปล่อยมือจากเรื่องนี้ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า จึงยิ่งมีความจำเป็นมากกว่าเดิม
"ผมจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือทั้งหมด ไม่เกิน 5 ชั่วโมงเราจะรู้ผล ก็ยังทัน ชั่วโมงละ 100 คน ตนก็จะอธิบายให้สมาชิกฯ ทุกคนเข้าใจ จะทำให้ดีที่สุดจนวินาทีสุดท้าย และเชื่อว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านสภา และส่งผลให้กฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อวาน ต้องปลดล็อกและเปลี่ยนไปด้วย" เท่าพิภพ กล่าว