ดร.นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย ได้พบหารือกับ Ms. Ebtesam Al Kaabi รองประธานบริษัท DP World เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 โดยมีนายสรยุทธ ชาสมบัติ เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี, นางสาวนิภา นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ, นายปิติชัย รัตนนาคะ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างไทยและยูเออี พร้อมทั้งตอกย้ำศักยภาพและความพร้อมของไทยในการเป็นประตูการค้าและศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค
ดร.นลินี ได้เน้นย้ำว่า การหารือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความคืบหน้าที่สำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่ต่อเนื่องจากการที่บริษัท DP World ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ระหว่างการประชุม World Economic Forum ณ เมืองดาวอส เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อสานต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและระบบโลจิสติกส์อย่างใกล้ชิด โดยมุ่งเน้นการใช้เครือข่ายท่าเรือและศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั่วโลก เป็นสะพานเชื่อมการส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งจะช่วยเปิดตลาดใหม่และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสนับสนุนการส่งออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารและเกษตร
ในโอกาสเดียวกันนี้ บริษัท DP World ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับฝ่ายไทย โดยเน้นย้ำถึงศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายบริหารจัดการท่าเรือและโซลูชันซัพพลายเชนระดับโลก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีธุรกิจในเครือมากกว่า 560 แห่ง บริหารท่าเรือกว่า 80 แห่งใน 75 ประเทศ และขีดความสามารถในการรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้กว่า 100 ล้าน TEU ต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของปริมาณการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก โดยบริษัทฯ พร้อมเป็นสะพานเชื่อมการขนส่งสินค้าจากภูมิภาคต่างๆ รวมถึงจากประเทศไทยสู่ผู้บริโภคทั่วโลกอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ดำเนินโครงการพัฒนาขยาย storage warehouse สำหรับการส่งออกสินค้าผักและผลไม้สดจากดูไบไปทั่วโลก โดยใช้พื้นที่ของโครงการในเขต Al Aweer ซึ่งจะเป็นประโยชน์และสร้างโอกาสให้กับผลไม้ไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพสูงและเป็นที่ต้องการในตลาดโลก
ดร.นลินี กล่าวเสริมว่า นับเป็นโอกาสอันดีที่ไทยและยูเออี (ดูไบ) จะได้ขยายความร่วมมือและเดินหน้าเสริมสร้างศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ การค้า และการลงทุนร่วมกัน ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยยังได้แสดงถึงความพร้อมและตอกย้ำศักยภาพของประเทศในการเป็นประตูการค้าและศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ด้วยตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ใจกลางอาเซียน โครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน และระบบขนส่งที่หลากหลาย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัท DP World ในการลงทุนและใช้ประเทศไทยเป็นฐานขยายตลาด รวมถึงเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์สู่อาเซียนและภูมิภาคอื่นต่อไป
พร้อมกันนี้ ดร.นลินี ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของบริษัท DP World ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการ World Logistics Passport (WLP) ซึ่งช่วยยกระดับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่สามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังได้แสดงความยินดีต่อความสนใจของบริษัทฯ ในการร่วมลงทุนในโครงการ Landbridge ของไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและระบบคมนาคมขนส่งแบบครบวงจร
ในปี 2567 มูลค่าการค้าไทย-ดูไบอยู่ที่ประมาณ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ท่าเรือ Jebel Ali ของดูไบในปีเดียวกัน ได้รองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์จากไทยราว 75,000 TEUs เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 6% โดยท่าเรือแห่งนี้ยังมีศักยภาพรองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ได้อีกมาก ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการค้าไทย-ดูไบที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต