ไม่พบผลการค้นหา
ไทยรักษาชาติ ชวนชาวพัทลุงกำหนดอนาคตตัวเองผ่านการเลือกตั้ง "จาตุรนต์" ชี้ พรรคเก่าแก่หมดหวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ขณะที่"ปรีชาพล" ยืนยัน ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ ขอโอกาสดูแลคนใต้ข้ามพ้นเผด็จการไปพร้อมคนทั้งประเทศ

พรรคไทยรักษาชาติ ปราศรัยที่จังหวัดพัทลุง เป็นวันที่ 2 ของการเปิดเวทีปราศรัยเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรค พร้อมว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายไพรัช ขวัญศรี เขต 1, นายอธิคม ขุนแก้ว เขต 2 และ พ.ต.อ.ชุมพล ขุนอักษร ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 3

โดยนายจาตุรนต์ ปราศรัยถึงกระแสประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่และคนภาคใต้ก็อยากเปลี่ยนพรรคการเมืองที่เลือกด้วย ท่ามกลางการแข่งขันนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ช่วงเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้เป็นจริงได้ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับราคายางพาราและปาล์มน้ำมันของพรรคการเมืองเก่าแก่ ที่มีคำถามอยู่ว่าจะเอาคะแนนเสียงมาจากไหนให้เพียงพอ เว้นแต่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หัวหน้าพรรคเก่าแก่ที่ว่า ย่อมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีทางที่จะผลักดันนโยบายที่ป่าวประกาศไว้ได้ 

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า หากหัวหน้า คสช.ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหลังการเลือกตั้ง สภาพเศรษฐกิจการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะย่ำแย่เช่นเดิมหรือยิ่งจะเลวร้ายลงไปอีก ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะตัดสินว่าประชาชนจะเปลี่ยนชีวิต ชาวพัทลุงและคนภาคใต้จะยินยอมให้พรรคการเมืองเก่าแก่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.หรือไม่ หรือจะให้ได้รัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยเข้ามาแก้ไขปัญหา

พร้อมกันนี้ ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ยืนยันว่าจะร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งจะเป็นไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศโดยไม่ต้องใช้กำลังความรุนแรงใดๆ เพียงเข้าคูหาใช้ปากกาด้ามเดียวเท่านั้น

ด้าน ร.ท.ปรีชาพล ได้ชี้ถึงปัญหาที่ชาวประมง, ชาวสวนปาล์มน้ำมันและยางพาราที่เผชิญอยู่จนเกิดเสียงสะท้อนเป็นวาทกรรมว่า "ยางถูก-ลูกอด-รถถูกยึด" ซึ่งเป็นตลกร้ายสำหรับเกษตรกรนั้น เป็นเพราะบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการส่งออก, การลงทุนและการท่องเที่ยว ที่ถูกรัฐบาล คสช.ทำลายลงไป เพราะต่างชาติไม่เชื่อมั่นและไม่คบค้าสมาคมด้วย 

พร้อมเสนอแนวนโยบายที่จะนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาให้ประชาชนใช้ต่อยอด เปลี่ยนจากการเป็นเกษตรกรธรรมดาสู่ผู้ประกอบการ, เพิ่มการใช้วัตถุดิบโดยการแปรรูปและทำถนนยางพารา เพื่อลดปริมาณและยกระดับราคายางพาราได้ด้วย ใช้ช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ด้วยระบบอีคอมเมิร์ซ ส่งตรงผู้ผลิตไปยังผู้ซื้อต่างประเทศ พร้อมย้ำถึงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพและกดขี่ข่มเหงประชาชนที่ทำมาค้าขายโดยสุจริตอย่างกฎหมายประมง จะต้องปรับแก้ให้เหมาะสมและไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ต้องใช้งบประมาณใดๆ อาศัยเพียงความจริงใจและความเข้าใจของรัฐบาลเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องมีแอปพลิเคชั่น one stop service แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและของดีแต่ละจังหวัด

ร.ท.ปรีชาพล ย้ำว่า วันที่ 24 มี.ค. จะกำหนดอนาคตว่าประเทศชาติและประชาชนจะย่ำอยู่กับที่ หรือหลุดพ้นจากสังคมเผด็จการ นำสู่รัฐบาลประชาธิปไตย ซึ่งพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย จำเป็นต้องได้ที่นั่ง ส.ส.ในสภารวมกันไม่น้อยกว่า 376 คน เพื่อปิดทางที่ ส.ว. 250 คน ที่ผู้มีอำนาจแต่งตั้งไว้แล้วเข้ามาเลือกนายกรัฐมนตรี

ขณะที่นายวรวัจน์ กล่าวระหว่างการปราศรัยว่า น้ำยางพาราไทยมีคุณภาพ หากมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจะเพิ่มมูลค่าและรายได้ให้กับชาวสวน พร้อมยกตัวอย่างหมอนยางพารานาโน ซึ่งนายวรวัจน์ ได้ทำการศึกษาวิจัยและผลิตขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งมาแสดงเป็นตัวอย่าง พร้อมย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราให้เป็นของเกษตรกร เอากลไกพ่อค้าคนกลางออกไป

แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ยังเน้นถึงการใช้เทคโนโลยีสร้างเศรษฐกิจด้วยทฤษฎี ‘เทคซิโนมิกส์’ตามแนวคิดของหัวหน้าพรรค สร้างระบบการศึกษาที่เป็นการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาและตลอดชีวิตด้วยระบบดิจิทัล พร้อมยืนยันว่า การเสนอนโยบายต่างๆนั้นใครก็พูดได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสามารถทำได้ด้วย และพรรคไทยรักษาชาติ นอกจากมีจุดยืนประชาธิปไตยแล้ว ยังมีบุคลากรมืออาชีพที่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆให้เกิดขึ้นจริงได้