ที่ห้องประชุม สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส, พ.ต.อ.ศุภกร พึ่งรศ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก, พิชิต รุ่งประเสริฐ ปลัดอำเภอสุไหงโก-ลก และพ.ท.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม 4 ผู้ต้องหา พร้อมยาบ้าจำนวน 638,600 เม็ด, ยาไอซ์จำนวน 21.194 ก.ก., อาวุธปืน 2 กระบอก ซึ่งยาบ้าและยาไอซ์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่เหลือจากถูกลักลอบส่งให้เอเย่นต์ในประเทศมาเลเซีย
โดย พล.ต.ต.ดุษฎี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.เปรม คุ้มยิ้ม สวป.สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดป้องกันปราบปรามได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดที่บริเวณปากซอย 1 ถ.ประชาวิวัฒน์ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พบ 3 ผู้ต้องหา คือ 1.ประสิทธิ์ สาและ ชาวจังหวัดนราธิวาส 2.มะเสาตี มามะ ชาวจังหวัดนราธิวาส และ 3.อันวา มาหะมะ ชาวจังหวัดนราธิวาส พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 1 หลอด น้ำหนัก 3.8 กรัม อาวุธปืนพก ขนาด 11 ม.ม. และอาวุธปืนพก ขนาด .38 รวม 2 กระบอก กระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ที่ซุกซ่อนมากับรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต ทะเบียน กค 5985 ปัตตานี
จากนั้น พ.ต.ท.ธิติวุฒิฒ์ เพชรรักษ์ สว.สส.สภ.สุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารฝ่ายปกครอง ร่วมสนธิกำลังในการขยายผลหลังสอบสวน 3 ผู้ต้องหา โดยเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 262 ม.1 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของบิดาของมะเสาตี พบยาไอซ์ น้ำหนัก 2.194 กิโลกรัม ยาบ้า จำนวน 108,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ภายในบ้านพัก
นอกจากนี้ พล.ต.ต.ดุษฎี ยังเปิดเผยอีกว่า ซึ่งก่อนเจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญและของกลางที่เหลือจากการลักลอบส่งจำหน่ายในประเทศมาเลเซียนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ซักทอดยาบ้าและยาไอซ์ของกลางทั้งหมดที่นำมาส่งให้นั้น คือ พิสมัย สุขภูวงศ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/23 ถนนเอเซีย 18 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัว พิสมัย มาชักถามที่ สภ.สุไหงโก-ลก และได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จนสามารถตรวจยึดยาบ้า เพิ่มเติมได้อีก จำนวน 294,000 เม็ด ยาไอซ์ อีกจำนวน 19 กิโลกรัม ที่ซุกซ่อนไว้ที่บริเวณบุ้งกี๋ของรถแม็คโคร ซึ่งจอดทิ้งไว้ที่บริเวณลานหน้าสนามยิงปืน บ้านสวนมะพร้าว ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน พร้อมของกลางซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายในประเทศ เป็นเงิน 12,636,000 บาท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป