วันที่ 10 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) โดยกล่าวในตอนหนึ่ง ถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่า การป้องกันและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการรักษาความมั่นคง ประกอบด้วย การจำกัดการเดินทางระหว่างจังหวัด และการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ช่วงเวลา 22.00–04.00 น. อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ฝ่าฝืนมีการมั่วสุม ชุมนุมกันในยามวิกาล กว่า 6,500 ราย ในช่วงวันที่ 3–10 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งบุคคลที่ขาดจิตสำนึก ขาดความรับผิดชอบเหล่านี้จะทำให้ประชาชนคนไทยที่หาเช้ากินค่ำต้องลำบากในการใช้ชีวิตในช่วงเวลานี้ ขอเตือนให้แก้ไขตัวเอง พร้อมยืนยันว่า ศบค.ยังไม่มีแนวความคิดที่จะขยายเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลานี้
ด้านการควบคุมสินค้า สถิติการร้องเรียนการขายสินค้าราคาแพง การกักตุนสินค้า สามารถจับกุมและดำเนินคดีการขายสินค้าเกินราคา ได้ 20 ราย การไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า 36 ราย การจงใจทำให้ราคาสินค้าต่ำ หรือสูงเกินสมควร ทำให้เกิดการปั่นป่วน จำนวน 75 ราย เป็นต้น นอกจากนี้ นับตั้งแต่ 4 ก.พ.63 ที่ประกาศให้หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือแอลกอฮอลล์เป็นสินค้าควบคุม มีสถิติการกระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ โดยจับกุม 334 คดี ยึดของกลางเป็นหน้ากาก กว่า 2,700,000 ชิ้น แอลกอฮอลล์ เกือบ 330,000 ลิตร ชุดตรวจ Covid-19 60,000 ชุด และเครื่องวัดอุณหภูมิ กว่า 4,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่ารวม มากกว่า 177 ล้านบาท
ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลักการสำคัญ คือ วันนี้ต้องรอดวันข้างหน้าต้องกลับมาเข้มแข็ง ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการดูแลและเยียวยา ทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 1 และ 2 ซึ่งเป็น “ระยะเร่งด่วน” สำหรับประชาชนทุกกลุ่มไปแล้ว ล่าสุดรัฐบาลได้ออกมาตรการเพิ่มเติมในระยะที่ 3 เพื่อรักษา เยียวยา และเตรียมความพร้อมของประเทศในทุกมิติ เป็นวงเงิน หนึ่งล้านเก้าแสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 9-10 ของ GDP
อย่างไรก็ดีคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการ การเพิ่มบุคลากรแพทย์ พยาบาล และข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลของสถาบันอุดมศึกษา ในสังกัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ กว่า 45,000 อัตรา ทั้งในส่วนของอัตราข้าราชการตั้งใหม่ จำนวนกว่า 38,000 อัตรา และอัตราข้าราชการตั้งใหม่ สำหรับนักเรียนแพทย์ ปี 2563 จำนวนกว่า 7,000 อัตรา โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณากรณีประโยชน์ทดแทนการว่างงานของผู้ประกันตน โดยได้อนุมัติหลักการให้กระทรวงแรงงานร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทน จากการว่างงานใน 2 กรณี คือ กรณีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และเกิดเหตุสุดวิสัย เพื่อให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนการว่างงานที่ครอบคลุมการว่างงานจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในครั้งนี้
อย่างไรก็ดีสัปดาห์หน้าเป็นช่วงเทศกาลประเพณีสงกรานต์ โดยรัฐบาลได้ประกาศเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้ งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับ งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา งดเว้นการรดน้ำขอพรญาติผู้ใหญ่ทุกกรณี และงดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันของคนหมู่มาก หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโดยเด็ดขาด