ต่างประเทศ
นักศึกษาเมียนมาเข้าป่า จับอาวุธฝึกสู้รบกองทัพ
รอยเตอร์รายงานว่า ปรากฏภาพจากคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นเหล่าเยาวชนชาวเมียนมาจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมการฝึกทางทหารและยุทธวิธีการรบ กับกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (KNU) ในป่าของพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง ทางตะวันออกซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย
รายงานระบุว่า น.ส. ม็อง ม็อง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า United Defense Force หรือ ยูดีเอฟ เผยว่า เธอและเพื่อนนักศึกษาจากหลายสถาบัน รวมถึงกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีแนวอุดมการณ์เดียวกัน ราว 250 คน จำนวนนี้เป็นผู้หญิง 20 คน เข้ารับการฝึกการใช้อาวุธและการสู้รบแบบกองโจร กับหน่วยฝึกที่อยู่ภายใต้พื้นที่ของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ตั้งแต่ช่วงปลายมี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อสู้กับกองทัพเมียนมาด้วยอาวุธ นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าวิกฤตในเมียนมากำลังทวีความรุนแรงขึ้น
"เราอยู่ที่นี่เพื่อรับการฝึกทางทหารเป็นเวลา 3 เดือน เราทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การสู้เพื่อประชาชน ปฏิวัติล้มอำนาจเผด็จการ คนส่วนใหญ่ที่ฝึกอายุราว 20 ปี ส่วนมากเป็นนักศึกษา บางคนอายุ 35 - 40 ปีก็มี แต่หลายคนที่นี่เป็นเจเนอเรชันซี (Gen Z)" ม็อง ม็อง เผยกับรอยเตอร์
ม็อง ม็อง เผยอีกว่า เธอเป็นหนึ่งในเยาวชน 15 คนแรกที่เข้ารับการฝึก โดยช่วง 10 วันแรกเป็นการฝึกขั้นพื้นฐาน พวกเขาเรียนรู้วิธีการประกอบและถอดชิ้นส่วนอาวุธปืน รวมถึงได้ซ้อมยิงกระสินปืนได้ไม่เกิน 3 นัด ขณะที่การฝึกอบรบอีกราวหนึ่งเดือนครึ่ง จะรวมถึงยุทธวิธีการรบ การปาระเบิดและการฝึกยิงปืนจากระยะไกล
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่า กลุ่มนี้คงไม่ใหญ่หรือมีอิทธิพลมากพอจะต่อกรกับกองทัพเมียนมาได้ ทำได้เพียงสนับสนุนกองกำลังของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อื่นๆ ซึ่งประกาศสู้รบกับกองทัพเท่านั้น
"เราต่อสู่กับระบบ ไม่ใช่เพื่อพรรคหรือปัจเจกบุคคล" เธอกล่าว
รอยเตอร์สไม่อาจตรวจสอบรายละเอียดของกลุ่มที่เรียกตนเองว่า ยูดีเอฟ นี้ได้อย่างอิสระ ขณะที่โฆษกของกองทัพเมียนมา ปฏิเสธจะแสดงความคิดเห็นใดๆ
ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอ แสดงให้เห็นเพียงเยาวชนกลุ่มหนึ่งในชุดออกกำลังกาย แต่ไม่ได้ปรากฎภาพของการฝึกการใช้อาวุธแต่อย่างใด โดยมีผู้ที่แต่งกายคล้ายชุดทหารในเครื่องแบบชาวกะเหรี่ยงทำหน้าที่เป็นครูฝึก
ทั้งนี้ ช่วงเช้ามืดของ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา กองพลน้อยที่ 5 ของกองทัพกะเหรี่ยง KNU เปิดฉากบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารพม่า ฐานซอแลท่า-กองพันเคลื่อนที่เร็ว 341 ซึ่งริมแม่น้ำสาละวินตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จนแตกพ่าย เสียงโจมตีทั้งเสียงปืน และเสียงระเบิด รวมถึงเปลวควันไฟสามารถมองเห็นและได้ยินอย่างชัดเจนถึงฝั่งไทย
