วันที่ 8 ม.ค. 2566 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการรับประทานอาหารพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะมีพรรคภูมิใจไทย เป็นเจ้าภาพ ว่า จากเดิมมีการนัดไว้ในวันที่ 25 ม.ค.67 แต่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ติดภารกิจจึงต้องเลื่อนออกไปก่อน ไม่ได้มีการกำหนดวันใหม่ แต่คาดว่า น่าจะเร็วๆนี้ เป็นการเชิญหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค โดยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลเอง ซึ่งตนเองเป็นเพียงเจ้ามือไม่ใช่เจ้าภาพ โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
ขณะที่กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณมาแต่อย่างใด และคิดว่า นายกรัฐมนตรีมีความมั่นใจมีความเข้าใจในระบบรัฐสภามากขึ้น และมั่นใจพรรครวมรัฐบาลให้การสนับสนุนนโยบาย ซึ่งได้เสียงพรรคร่วมรัฐบาลครบ ส่วนเสียงที่หายไป มีประธานสภาผู้แทนราษฎร และมีติดปัญหาเรื่องสุขภาพ มาประชุมไม่ได้ ซึ่งคิดว่า เสียงของรัฐบาลมั่นคงแล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังคงเหนียวแน่นใช่หรือไม่ อนุทิน ระบุว่า "ผมไม่อยากโชว์รูปเมื่อวาน ใครมากอดคอผมล่ะ" พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีกระแสปรับ ครม.
เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย เพื่อเปิดทางให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทำให้ อนุทิน ถึงกับเดินหนี และบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามดังกล่าว
อนุทิน กล่าวถึงปฏิบัติการ “รังสิตมันร้าย” ที่กรมการปกครอง บุกจับกุมสถานบันเทิงเถื่อน ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ว่า เราก็ต้องไล่ตรวจไปเรื่อยๆ สิ่งที่ที่พูดไว้มาตลอดคืออยากให้เรื่องยาเสพติด เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และเรื่องอาวุธก็พยายามอยู่ในกรอบนี้ ซึ่งกรณีที่เห็นชัดเจนว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เกือบ 500 คน ดังนั้นคงไม่ใช่แอบเปิดแล้ว แต่เป็นอาคารที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งจริงๆ ทำได้แต่ต้องมีใบอนุญาต แต่ตรวจแล้วใบอนุญาตก็ไม่มี ซ้ำยังขายสุราให้เด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี ก็ผิดไม่รู้กี่กระทง และเราก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรกับน้องๆเหล่านั้น ถ้าอายุต่ำกว่า 16 ปีก็โทรแจ้งผู้ปกครอง เพราะเป็นด้วยกฎหมายกรมพินิจและคุ้มครองเยาวชน โดยเราก็ได้ดำเนินคดีกับเจ้าของสถานที่
เมื่อถามว่า ผับในลักษณะนี้ ที่ไม่ขออนุญาตและให้เด็กเข้าใช้บริการ ทั้งประเทศมีมากน้อยแค่ไหน อนุทิน กล่าวว่า กว่าเราจะเข้าแต่ละที่ได้ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป ก็ต้องดู ถ้าหากเข้าไปแล้วเค้าทำถูกต้องทุกอย่างก็ไปรบกวนนักเที่ยวเราต้องมั่นใจว่าถ้าเข้าไปคือต้องทำผิดกฎหมายเราไม่ได้ไปก่อกวนที่ไหนอย่างไปตรวจที่รังสิต ก็ได้กำชับอธิบดีกรมการปกครอง ไปว่าต้องปฏิบัติกับเด็กห้ามพกพาอาวุธห้ามกักตัวห้ามนำอาวุธไปจี้หรือขู่ด้วยปืน ซึ่งก็ออกมาได้ดี ทุกคนให้ความร่วมมือ จะมีภาพรุนแรงแบบนั้นไม่ได้ ก็ต้องดูกลุ่มเป้าหมายเหมือนกัน ไม่ใช่เห็นทุกคนมีความผิดเท่ากันหมด แต่ที่ผิดหนักคือเจ้าของ ที่รู้อยู่เต็มอก เพราะมีการทำทางออกลับ เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจก็ให้ออกไปก่อน พอเจ้าหน้าที่ไปค่อยกลับเข้ามาใหม่ มีทุกรูปแบบ เราก็ต้องไล่เก็บไปเรื่อย
เมื่อถามว่า ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในท้องที่อย่างไร ว่าการเปิดแบบไม่มีใบอนุญาต มาได้อย่างไร อนุทิน กล่าวว่า นอกจากไม่มีใบอนุญาตแล้ว สถานที่แบบนี้ตั้งขึ้นมาไม่ใช่เฉพาะกิจ ต้องตั้งขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว หน่วยงานไหนก็ต้องไปไล่บี้คนที่รับผิดชอบ ในส่วนของมหาดไทยก็ต้องมาดูว่าใครรับผิดชอบตรงไหนตนได้แจ้งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ในอำเภอไหนมี นายอำเภอต้องรับผิดชอบ