เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 ส.ค.) ซึ่งตรงกันกับวันเฉลิมฉลองนักบุญสตีเฟน อันเป็นวันหยุดราชการของฮังการี รัฐบาลฮังการีได้จัดเตรียมให้มีการ “จัดแสดงพลุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป” อย่างไรก็ดี ก่อนที่งานในวันดังกล่าวจะเริ่มต้นขึ้นเพียง 7 ชั่วโมง รัฐบาลฮังการีกลับต้องทำการเลื่อนกิจกรรมดังกล่าวออกไป ด้วยการอ้างเหตุผลว่ามีการแจ้งเตือนเรื่องสภาพอากาศสุดขั้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงเวลาจริง สภาพอากาศในเมืองหลวงฮังการีขณะช่วงจัดงานกลับโปร่งโล่งสดใส การพยากรณ์สภาพอากาศที่ผิดพลาดดังกล่าว ส่งผลให้ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการกรมอุตุนิยมวิทยาฮังการีถูกไล่ออกจากตำแหน่ง
พลุจำนวน 40,000 ดอก ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อพร้อมจะจุดชนวน 240 ตำแหน่ง เรียงไปตามความยาวของแม่น้ำดานูบ 5 กิโลเมตร บริเวณตอนกลางของกรุงบูดาเปสต์ ทั้งนี้ งานดังกล่าวมักมีผู้เข้าร่วมชมในแต่ละปีอย่างน้อยประมาณ 2 ล้านราย
แต่เมื่อได้รับคำเตือนเรื่องสภาพอากาศสุดขั้วจากกรมอุตุนิยมวิทยา รัฐบาลฮังการีได้ตัดสินใจเลื่อนงานดังกล่าวออกไปเป็นสัปดาห์ ก่อนที่พายุฝนซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาจะได้พยากรณ์เอาไว้ กลับเปลี่ยนทิศทางของมัน และไปหยุดติดอยู่ที่บริเวณทางตะวันออกของฮังการีแทน ทั้งนี้ ไม่มีฝนตกลงทั่วทั้งกรุงบูดาเปสต์สักหยดเดียว
หลังจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยาฮังการีได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กเพจ เพื่อขอโทษต่อสาธารณชน จากการพยากรณ์ที่ผิดพลาด ก่อนอธิบายว่าโอกาสดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น “หาได้ยากมาก” และความไม่แน่นอนมักเป็นส่วนหนึ่งของการพยากรณ์อากาศ
แต่ทุกอย่างกลับสายเกินไป เพราะเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ลาสซ์โล ปัลโควิกส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรมฮังการี ได้ไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองรายออกจากตำแหน่งของกรมอุตุนิยมวิทยาแล้ว โดยคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในทันที
ปฏิกิริยาของชาวฮังการีต่อข่าวการไล่ออกสองเจ้าหน้าที่จากกรมอุตุนิยมวิทยา ถูกสะท้อนออกมาแตกต่างกันไป โดยประชาชนเกือบ 100,000 คน ลงนามในข้อเรียกร้องให้มีการยกเลิกการจัดแสดงพลุในช่วงที่กำลังมีสงครามเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครน อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนรัฐบาลรู้สึกไม่พอใจกับความไม่ถูกต้องของผู้พยากรณ์อากาศ และหวังว่าการแสดงพลุจะดำเนินการต่อไปตามแผนที่วางเอาไว้ในวันเสาร์หน้า (27 ส.ค.)
ที่มา: