ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย แจงแทนนายกฯ ปมถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่อง ครม.กับพระมหากษัตริย์ และทรงมีกระแสพระราชดำรัสตอบถือเป็นการอนุญาตให้ทำหน้าที่แล้ว ขณะที่ 'สุทิน' นำฝ่ายค้านสรุปปิดท้ายฉะ 'ประยุทธ์ - วิษณุ' ลบทิ้ง ม.161 แนะเสียสละลาออก ให้เหมือนศาลยังมีความศักดิ์สิทธิ์ พร้อมให้โหวตกลับมาเป็นนายกฯ ใหม่อีก

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะ ปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำ ครม.ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงเสร็จสิ้นและเดินทางออกจากรัฐสภาไปปฏิบัติภารกิจนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้อภิปรายว่า ถึงแม้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนไว้พิจารณาวินิจฉัย โดยไม่ใช่คำวินิจฉัยก็ตาม แต่ในคำสั่งดังกล่าว ได้อธิบายว่า การถวายสัตย์ เป็นการกระทำทางการเมือง ดังนั้น เป็นเรื่องเขตพระราชอำนาจโดยเฉพาะ ไม่ควรมีใครก้าวล่วง และเป็นการกระทำที่มิบังควร

อีกทั้ง เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2562 เวลา 09.00 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีได้เข้ารับพระราชดำรัสในโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ซึ่งพระราชทานเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งทรงลงพระปรมาภิไธยโดยเข้ารับต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ณ ห้องรับรอง ชั้น 5 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ดังนั้น การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด

นายไพบูลย์ อภิปรายอีกว่า ตนเป็นห่วงฝ่ายค้าน เพราะทำไปทำมาท่านจะถูกตรวจสอบเองในการกระทำการที่ไม่มีอำนาจ เพราะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายมีคนสงสัย อาจมีคนไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพราะ ส.ส.ไม่มีอำนาจดำเนินการ อาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 ดังนั้น ตนเป็นห่วงเพราะแม้คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ผูกพันตอนนี้ แต่ผูกพันต่อ ป.ป.ช. ที่จะเอาเป็นแนวทางในการไต่สวน ซึ่งถ้าดำเนินการกลับไปถึงชั้นศาลรัฐธรรมมนูญ แล้วคิดหรือครับว่าท่านจะวินิจฉัยเป็นอื่น ก็ต้องวินิจฉัยว่าฝ่ายค้าน ไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ รวมทั้ง ตนขอทักท้วงฝ่ายค้านในฐานะเป็นมิตรว่า อยากให้การอภิปรายเป็นไปในแนวทางที่ไม่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อกฎหมาย และจะทำอะไรก็อย่าไปละเลยคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ

มงคลกิตติ์

'มงคลกิตติ์' ข้องใจถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ เหตุโดนวางยา

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า การถวายสัตย์ไม่ครบตามมาตรา 162 ในรัฐธรรมนูญ เหมือนกับ ส.ส. ขาดคุณสมบัติจะเป็น ส.ส. ไม่ได้ เช่นเดียวกับการบวชพระ ถ้ากล่าวคำขานในการขอบวชพระไม่ครบ ก็เป็นพระไม่ได้ เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไหมให้ไปคิดเอาเอง ถ้าท่านเป็นแค่ทหารที่เกษียณ หรือลุงแก่ๆ อยู่ที่บ้านก็จะไม่ถามท่าน

"แต่วันนี้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ผมต้องถามในฐานะผู้แทนราษฎร ว่าทำไมถวายสัตย์ไม่ครบ หรือมีการวางยาท่านหรือไม่ หรือมีเพียงหนึ่งคนที่จะวางยาท่านได้ คือ เป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หรือเลขาธิการนายกรัฐมนตรี วางยาท่าน เขียนข้อความไม่ครบ หรือเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีอายุเยอะแล้ว อาจจะเลอะเลือน จึงอ่านไม่ครบ หากรู้ว่าถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ ผมจะไม่ยกมือสนับสนุนท่านเด็ดขาด และแม้ตนจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีนก็รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ต่างจากนายกรัฐมนตรี ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลโดยไม่ระบุที่มาของงบประมาณ การจัดซื้อเครื่องบินของสายการบินไทย 38 ลำที่จะเข้า ครม. สัปดาห์หน้า กว่าหนึ่ง 1.56 ล้านบาท แต่ทำไมไม่ชี้แจงในการแถลงนโยบาย"

นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ทุกวันนี้ประเทศมีหนี้สาธารณะจำนวนมาก หากไม่ทำวงเงินงบประมาณขาดดุลก็จะไม่มีเงินมาจัดซท้อจัดจ้าง และกังวลว่าถ้าในอนาคตขาดทุนขึ้นก็คงเหมือนนโยบายจำนำข้าว หากนำทรัพย์สินของ ครม. มารวมกันทั้งหมดก็คงไม่เพียงพอกับวงเงินที่จะอนุมัติในครั้งนี้ และสิ่งสุดท้ายคือฝากให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบการแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

วิษณุd3.jpg

'วิษณุ' การันตีถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่องรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า จากวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งได้ทำเฉพาะพระพักตร์ และต่อหน้าคนหลายคน ไม่ได้เป็นเรื่องลึกกลับซับซ้อนอะไร และไม่ได้มีการหยิบสลับบัตรอะไร

ทั้งนี้ มีอดีตนายกฯ เพียงคนเดียวเท่านั้น คือ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ เพียงคนเดียวที่ไม่ได้ล้วงกระเป๋าหยิบอะไรขึ้นมา เพราะท่านจำได้ แต่คนอื่นต่อให้จำแม่น แต่ก็กลัวพลาด ล้วงจากกระเป๋าเสื้อทั้งนั้น เช่นเดียวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตนไม่ทราบเบื้องหน้า เบื้องหลัง แต่สามารถอธิบายได้ด้วยประโยคเดียวเท่านั้น คือ การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ คำนี้ ตนไม่ได้พูดขึ้นเอง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ด้วย อธิบายว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องที่ต้องการยืนยันต่อองค์ผู้ใช้อำนาจอธิปไตย ซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์ นี่ไม่ใช่หลักราชาธิปไตย แต่เป็นหลักประชาธิปไตยที่รัฐธรรมนูญเขียนแบบนี้หลายฉบับแล้ว  

“เพื่อยืนยันให้เกิดความไว้วางใจในตัวผู้กล่าวคำปฏิญาณนั้น ซึ่งหมายถึงพระมหากษัตริย์ ซึ่งไว้วางใจในตัวผู้ปฏิญาณนั้น รัฐบาลอาจจะผิด ผมอาจจะผิด นายกฯ อาจจะผิด แต่เราเข้าใจตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บัญญัติไว้แบบนั้น แต่จะว่าผิดก็คงไม่ใช่ เพราะในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เขียนเอาไว้ในคำวินิจฉัย ว่าการถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ครม.กับพระมหากษัตริย์ เป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง ครม.กับพระมหากษัตริย์ และเมื่อสิ้นสุดถ้อยคำถวายสัตย์ปฏิญาณฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มีพระราชดำรัสให้ปฏิบัติหน้าที่ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา” นายวิษณุ กล่าว 

ย้ำศาล รธน. ยังไม่ชี้ชัดถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถูก-ผิด

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ การถวายสัตย์ปฏิญาณของ ครม.ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด จึงชี้ไม่ได้ว่าถูกหรือผิด แล้วศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ชี้ด้วย สภาก็เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีอะไรต้องไปวิตก ไม่มีอะไรโจ่งแจ้ง เพราะยังไม่มีใครพูดอะไรเลย ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้พูด เมื่อไม่มีใครพูดก็ไม่มีใครชี้ รัฐบาลมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาปฏิบัติงานไปด้วยกำลังใจ และความมุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณฯ และพรที่พระราชทานมา 

ชวน

'ปิยบุตร' ท้วงนายกฯ ใช้กระดาษถวายสัตย์ฯ

ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ขอใช้สิทธิพาดพิงที่นายวิษณุ เรื่องหยิบกระดาษมาจากกระเป๋านั้น มีเพียงนายชวนคนเดียวที่ไม่ใช้ ซึ่งกรณี พล.อ.ประยุทธ์ 5 ครั้ง ให้ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขานายกฯ ที่อยู่ด้านหลัง ส่งแฟ้มมาให้ แต่ครั้งนี้หยิบมาจากกระเป๋า สิ่งที่นายวิษณุชี้แจงคือ การถวายสัตย์ฯ 4 กลุ่ม มีโอกาสเข้าเฝ้า ต่อให้กล่าวไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ แต่พระมหากษัตริย์มีพระราชดำรัสรับถือว่า สมบูรณ์แล้วใช่หรือไม่ อยากให้ตอบชัด เพื่อเป็นบรรทัดฐานครั้งต่อๆ ไป นับจากนี้เรามีแนวแบบนี้ใช่หรือไม่ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุไม่ได้ตอบข้อซักถามของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ว่า นับจากนี้บรรทัดฐานการถวายสัตย์จะเป็นอย่างไร

ด้าน นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ใช้สิทธิถูกพาดพิงว่า ประมวลจริยธรรมเป็นเรื่องของทั้งข้าราชการ และข้าราชการการเมือง ถ้าผิดร้ายแรงคือขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในประมวลจริยธรรมข้อ 7 หมวด 1 ระบุว่าการกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญเข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง และหากร้องรัฐบาลไปยัง ป.ป.ช. และถ้ารับเรื่องผู้ถูกร้องต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที แต่ ป.ป.ช. จะพิจารณาอย่างไรเป็นอีกเรื่อง

สุทินวันมูหะหมัดนอร์

'สุทิน' ชี้ 'ประยุทธ์-วิษณุ' สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ลบ ม.161 ทิ้ง ดึงฟ้าต่ำมาป้องตนเอง

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายสรุปปิดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า วันนี้ได้เห็นพฤติกรรมของนายกฯ ซึ่งทำให้กังวลว่า จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามจนเป็นนิสัย ถือเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างอุกอาจชัดเจน จึงอดกังวลไม่ได้ในอนาคตว่า หากไม่เตือนสติ ก็จะเป็นแบบนี้อีก ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ให้ความกระจ่างเลยว่า การถวายสัตย์ผิดพลาดหรือไม่ ทำให้สังคมไทยกังวลยิ่งขึ้น ต่อการไม่ปฏิบัติและรักษารัฐธรรมนูญ ถ้าเป็นตาสีตาสาพลาด ไม่น่ากังวล แต่ถ้านายกฯ ทำผิด อานุภาพการทำลาย ทำให้ 65 ล้านชีวิตน่ากังวล มดบ้าคลั่งไม่น่ากลัว แต่ถ้าช้างบ้าคลั่งนั้นน่าเป็นห่วง 

นายสุทิน กล่าวว่า เมื่อตั้งกระทู้ก็ไม่มา จึงต้องการมาถามเพื่อให้ตอบ หากบอกว่าจะแก้ไข เราก็คลายความกังวล หากจงใจก็จะได้รู้ว่า เพราะอะไร บรรยากาศจะได้ผ่อนคล้าย เดินหน้าแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ เปรียบไทยเป็นเครื่องบิน นายกฯ คือกัปตัน หลังเลือกตั้ง ทุกคนคิดว่าเราจะมีอยู่มีกิน แต่โชเฟอร์ขับฉวัดเฉวียนเวียนหัว เราคนนั่งก็อยากทราบว่า เกิดอะไรขึ้น แต่กัปตันกลับไม่พูดอะไรเลย ผู้โดยสารก็กดดัน ยิ่งกัปตันออกมามึนเมาข่มขู่ผู้โดยสารอีก จึงอยากถามว่า เมาอำนาจหรือไม่ แต่กลับหันมาด่าผู้โดยสารอีก 

บี้นายกฯ เมินลาออก - ข้องใจล้วงกระเป๋าอ่านโพยในกระดาษ

นายสุทิน กล่าวอีกว่า การถวายสัตย์ต่อหน้าประมุขประเทศก็ยังทำผิด ซึ่งทุกคนเห็นว่า จงใจ เพราะอดีตชี้ปัจจุบัน เพราะท่านยึดอำนาจมา ใช้มาตรา 44 บริหารประเทศ เลื่อนเลือกตั้ง แบ่งเขตเลือกตั้ง ส่ง พ.ร.ก.เข้ามาในสภาทั้งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ เมื่ออดีตอุกอาจเช่นนี้ หมายความว่า ท่านไม่ได้ได้รับรองอนาคตเลย ส.ส.หลายคนจึงกังวลว่า จะยึดอำนาจอีกหรือไม่ ทุกคนกังวล หากท่านเจตนาแบบนั้น ก็อยากให้กลับใจ ทุกคนหวังจะได้คำตอบ แต่กลับได้รับความผิดหวัง เสียใจนับครั้งไม่ถ้วน

"นอกจากนายกฯ ไม่ตอบ แล้วยังให้สัมภาษณ์ไม่ลาออก ไม่ปรับ ครม. ไม่ตอบถือว่า เป็นสิทธิของผม ถามว่า แบบนี้ท้าทายกันหรือไม่ ท่านเคารพสภาหรือไม่ อีกทั้งยังไม่ได้ตอบการแสดงแหล่งที่มาของงบประมาณแต่อย่างใด กลับแฉลบไปพูดเรื่องเศรษฐกิจแล้วก็กลับ พอมารอความหวังจากนายวิษณุก็ผิดหวังเสียใจ ผมเคยชื่นชอบว่าท่านเก่ง แต่ผิดหวังมาก ที่ท่านพูดเท็จ บอกว่า การที่นายกฯ ล้วงกระเป๋าออกมา ถือเป็นวิธีปกติที่นายกฯ ทุกคนทำมาตลอดนั้นไม่จริง เอกสารสำนักนายกฯ ก็มีระบุลำดับซักซ้อมวิธีการถวายสัตย์ไว้ ตนจะนำรายละเอียดในเอกสารมาแถลงข่าวอีกครั้ง ขนาดกีฬา อบต.ยังมีแฟ้ม" นายสุทินกล่าว 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ทำไมไม่พูดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่พูด ผิดหรือไม่ ถ้าไม่ผิด ทำไมไม่พูด การไม่พูดนั้นคืออะไร การแย้งว่าเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์นั้นได้ แต่ทำไมพูดตามในรัฐธรรมนูญไม่ได้ ที่ไม่สบายใจอย่างยิ่งคือการจะบอกว่า การถวายสัตย์ผิดถูกก็ช่าง ถ้ามีพระบรมราโชวาทแล้วถือว่า สมบูรณ์ ตนว่า ไม่ใช่ นายวิษณุอยู่ในมหาวิทยาลัยมา การมอบปริญญาบัตร ก็จะให้พระบรมราโชวาททุกครั้ง ก็ไม่ได้อยู่ในวิสัยพระองค์ท่านที่จะถามว่า ถูกหรือไม่ ท่านให้พระบรมราโชวาทกับทุกคน เชื่อว่า พระบรมราโชวาท ไม่มีนัยทางการเมือง อย่าไปตีความเข้าข้างตนเอง 

"พล.อ.ประยุทธ์และนายวิษณุจะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไม่ต้องดูตามมาตรา 161 วรรคสอง ขอให้กระบวนการครบถ้วนสมบูรณ์พอ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ถ้ายอมรับเสียแต่วันแถลงนโยบาย ขอโทษประชาชน ขอโทษสภานิดเดียว แล้วทำใหม่ก็จบ วันนี้ยังฝากแผลใจไว้ แม้จะวนจะบิดอย่างไรก็ตาม ถือเป็นการดึงฟ้าต่ำมาปกป้องตนเอง ท่านสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แล้วจะทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมโดยสิ้นเชิง มาตรา 161 วรรคสองถือว่าตัดออก ไม่มีผลแล้วใช่หรือไม่" นายสุทินกล่าว   

นายสุทิน กล่าวว่า ถามว่า ถ้าเป็นนายกฯ คนอื่น ชื่อนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยอมได้หรือไม่ ถ้านายกฯ ชื่อสุทินรับรองแหลกเป็นจุณ แต่นี่เป็นประยุทธ์ วิษณุ ชาวบ้านบอกทำอะไรก็ไม่ผิด ความยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด ความปรองดองก็ไม่มี วันนี้คนไทยอาจทำอะไรไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมรับท่าน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสังคมลักลั่นด้วยกฎหมาย ผลิตซ้ำอยู่ตลอด แล้วสร้างความเหลื่อมล้ำทางกฎหมาย ความปรองดองก็จะไม่เกิด ที่สำคัญสถาบันที่เคารพ พิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์ เรื่อยไปถึงคนที่เคารพเทิดทูน เช่น ศาลพระภูมิในหมู่บ้าน ถ้าคนไม่เคารพก็ศักดิ์สิทธิ์ลดลง ในที่สุดหมูหมากาไก่ก็เยี่ยวใส่ 

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ท่าทีของนายกฯ ไม่แยแส ไม่ฟังข้อเสนอแนะที่ ส.ส.เสนอให้ อยากฝากให้นายกฯ ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของคนในประเทศก่อนว่า จะไม่ไส้กิ่ว งบประมาณไม่แถลงที่มา เพราะปิดบัง จะไม่ขับรถไปชนตาย ทำให้ประชาชนอุ่นใจว่า ท่านจะไม่ละเมิดกฎหมาย พร้อมทั้งต้องยกยอเทิดทูนทำนุบำรุงให้สิ่งที่เราเคารพสูงส่งยิ่งขึ้น

ปิดสมัยประชุมสภา

กดดันนายกฯ เสียสละลาออก ให้ศาลพระภูมิศักดิ์สิทธิ์

"เป็นทหารต้องรู้จักพันท้ายนรสิงห์ และ พ.ต.ต.อนันต์ เสนาขันธ์ ที่บอกว่า ถ้าผมตายด้วยฝีมือเผด็จการให้ป่นกระดูกไปโปรยลานโพธิ์ธรรมศาสตร์ ที่ผลิตคนออกมาเพื่อประชาธิปไตย หวังบำรุงลานโพธ์ให้สูงส่ง" นายสุทิน ระบุ

นายสุทิน ระบุด้วยว่า "แค่นายกฯ สละตนเองลาออก เพื่อบำรุงพระบรมโพธิสมภาร ทำไมจึงทำไม่ได้ ลาออกแล้วแสดงเพื่อว่า ศาลพระภูมิศักดิ์สิทธิ์นะ เฮี้ยนนะ การกลับมาไม่ยาก 250 ส.ว.ก็รออยู่แล้ว พวกผมก็ยินดีเป็นฝ่ายค้าน แต่หากไม่ทำ แล้วคนไทยจะคิดอย่างไร ท่านต้องตระหนักการเลือกตั้งครั้งหน้า เก่งอย่างไรก็อยู่ไม่ได้ 4 ปี ตนไม่หวังศาลรัฐธรรมนูญ แต่พึ่งประชาชน ความอหังการ์ของนายกฯ ต้องเจอกันวันเลือกตั้ง"

จากนั้นเวลา 18.20 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้สั่งปิดการประชุม รวมการเวลาการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ใช้เวลาการอภิปรายกว่า 9 ชั่วโมง ขณะที่นายกรัฐมนตรีใช้เวลาชี้แจงในสภาฯ 28 นาที หลังรับฟังฝ่ายค้านอภิปรายมา 5 ชั่วโมง

จากนั้นเลขาธิการสภาฯ ได้อ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2562 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2562 นั้นบัดนี้จะสิ้นกำหนดเวลา 120 วัน วันตามสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ในวันที่ 18 ก.ย. 2562 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2562

ข่าวที่เกี่ยวข้อง