จากรณีที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ถึงสถานการณ์การเมืองไทยที่กองทัพกำลังต่อสู้กับสงครามลูกผสม (Hybrid Warfare) ด้วยข่าวปลอมโฆษณาชวนเชื่อบนอินเทอร์เน็ตของศัตรู ซึ่งเป็นพรรคการเมืองบางพรรคที่เพิ่งตั้ง จนทำให้วัยรุ่นต่อต้านสถาบันฯ และกองทัพ โดยเปรียบเทียบกับยุคต่อต้านภัยคอมมิวนิสต์
พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่า กองทัพกำลังมองประชาชนและพรรคการเมืองเป็นศัตรูกับรัฐบาล ซึ่งยุทธวิธีทางการทหารไม่ควรนำมาใช้กับประชาชน การใช้คำศัพท์ไม่จำเป็นต้องโชว์เหนือเรียกว่าสงครามไฮบริด เพราะถือว่าผิดที่ผิดทาง คำดังกล่าวถูกใช้กับภัยคุกคามสมัยใหม่อย่างก่อการร้าย ที่ผ่านมามีการใช้ทั้งคำศัพท์โบราณอย่าง 'หนักแผ่นดิน' ล่าสุดก็ใช้คำทันสมัย การนำไปเปรียบเทียบกับยุคคอมมิวนิสต์นั้นถือว่าตกยุค ทั้งหมดสะท้อนชัดว่า ผบ.ทบ.ท่านนี้ไม่รู้เรื่องการทหาร
"โดยพื้นฐานคือเขาไม่รู้จักโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ ทำให้มีอาการกลัวการเปลี่ยนแปลง ยังฝันถึงวันคืนเก่าๆ หรือ Good old day จึงหวังจะพาโลกกลับไปโลกที่ตัวเองรู้จัก แต่ยิ่งต้านเท่าไรก็จะยิ่งเสียหายมากเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ต้องกลัว เพียงแค่ปรับตัวให้ทันและอยู่กับมัน"รองหัวหน้าพรรรคอนาคตใหม่ระบุ
เมื่อถามถึงการยืนยันจะไม่ทำรัฐประหารในยุคของพล.อ.อภิรัชต์นั้น พล.ท.พงศกร กล่าวว่า "พวกเดียวกันเป็นรัฐบาล จะปฏิวัติทำไม"
'ภราดร' ติงกองทัพมองพรรครุ่นใหม่เป็น 'ภัยคุกคามกองทัพ'
เช่นเดียวกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก็เชื่อว่า ถ้าเป็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ปฏิวัติ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ยังต้องระวังและประมาทไม่ได้ เหมือนที่จอมพลสฤษดิ์เคยบอกจะไม่ยึดอำนาจจากจอมพล ป. แต่สุดท้ายก็ทำ ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับเขาเพียงคนเดียว ยังมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย
พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการเชื่อมโยงเหตุระเบิดหลายจุดทั่วกรุงฯ เข้ากับการเมือง พุ่งเป้าไปที่ไซเบอร์ของพรรคอนาคตใหม่ที่เดินเร็วและเดินแรง บ่งชี้ว่า ทัศนคติของกองทัพกับพรรคนี้ไม่ดี ล่าสุดการระบุถึงภัยคุกคามใหม่มีลักษณะสงครามลูกผสม มองพรรคเกิดใหม่เหมือนการต่อสู้กับภัยคอมมิวนิสต์ ก็ไม่ต่างจากการทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หวังให้ผู้คนหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
"วิธีคิดแบบนี้สะท้อนตัวตนที่หวาดกลัวว่า หากพรรคนี้ชนะแล้วผลักดันนโยบายที่หยุดการรวมศูนย์ อย่างการกระจายอำนาจ และชัดเจนว่า จะทำการปฏิรูปกองทัพ นี่คือความน่าห่วงกังวลที่กองทัพมองคนในชาติด้วยกันเป็นศัตรู ชัดเจนว่ากองทัพเข้ามายุ่งการเมือง ต่างจากประเทศเจริญแล้วที่มีกองทัพอาชีพ คอยเฝ้าระวังอริราชศัตรูจากภายนอกประเทศเท่านั้น" พล.ท.ภราดรกล่าว