วันที่ 5 พ.ค. 2565 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และคณะกรรมการมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม จัดการแถลงข่าวการจัดงาน 'รำลึก 30 ปี พฤษภาประชาธรรม' ในวันที่ 15-18 พ.ค. 2565 เพื่อรำลึกถึงเหตุสลายการชุมนุมประท้วงขับไล่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีขณะนั้นของขบวนการนักศึกษาและประชาชน เมื่อปี 2535

โดย อดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานกรรมการญาติวีรชนฯ ระบุว่า แม้เหตุการณ์เมื่อเดือ พ.ค. ปี 2535 นั้นจะเต็มไปด้วยความรุนแรงที่ไม่พึงประสงค์ มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก ใช้กระสุนยิงประชาชนกว่าครึ่งคลังแสง แต่ก็ได้ผลักดันให้ประเทศเข้าใกล้ประชาธิปไตยอย่างมากที่สุดครั้งหนึ่ง คณะกรรมการญาติฯ จึงพยายามเรียกร้องให้ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฝ่ายทางการเมือง อย่ายุติที่ความรุนแรง และหนทางรัฐประหารก็ไม่ใช่ทางออก เป็นวงจรที่ควรต้องหยุดลง เพื่อให้ประชาธิปไตยขับเคลื่อนไปตามหนทาง พร้อมเรียกร้องให้ 250 ส.ว. เสียสละปลดอำนาจของตัวเองออก ให้บ้านเมืองเดินไปอย่างถูกต้อง

"นักการเมือง พรรคการเมือง ถ้าใครพูดผิดหูสักคำ โซ้ยกันแหลก นี่แหละคือรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แตกแยกกันจนละเอียด แล้วก็ไม่คิดแก้ไข เพราะแตกแยกแล้วปกครองง่าย ดังนั้นประชาต้องไม่ยอมให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น" อดุลย์ กล่าว

จ่อเชิญ 'ประวิตร' ร่วมพิธี เมิน'ประยุทธ์' เหยียบงาน

อดุลย์ ยังระบุถึงกรณีที่อาจมีการเทียบเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมพิธีนั้น เนื่องจากตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาล สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย จึงได้จัดตั้งองค์กร 'ไทยไม่ทน' เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจ ตนในฐานะผู้ก่อตั้ง ไทยไม่ทน จึงไม่อาจเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมในงานนี้ได้ 

อีกทั้งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว คณะกรรมการญาติฯ เคยส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว แต่ถูกเมินเฉย แต่ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ให้การสนับสนุนเบื้องหลัง โดยมอบหมาย พล.ต อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นผู้แทนประธาน ป.ป.ช. มาร่วมงาน คณะกรรมการญาติวีรชนฯ จึงเห็นว่าเชิญคนที่มีใจมาร่วมงานน่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานเทียบเชิญไป

‘ชวน' - 'ชลน่าน' ผู้แทนกองทัพ ตร. และทุกพรรคการเมือง ตบเท้าร่วมงาน

ด้าน เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงกำหนดการภาพรวมของงาน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. จะมีการเปิดตัวศิลปะสถาปัตยกรรมจัดวาง 'ดาววีรชนพฤษภา 2535' โดยศิลปิน ไกรสร ประเสริฐ และจะมีกิจกรรมดนตรีที่สวนตันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนินและในวันที่ 17 พ.ค. นั้น จะมีกิจกรรมพิธีรำลึกในภาคเช้า ได้มีการเชิญทุกพรรคการเมือง ประกอบด้วย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานในพิธี รวมถึงผู้แทนรัฐบาล นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้แทนกองทัพบก (ทบ.) มาเข้าร่วมในพิธีวางมาลารำลึกวีรชน จากนั้นเป็นพิธีเปิดอนุสาวรีย์วีรชนพฤษภา 35 โดย อานันท์ ปันยารชุน อดีตประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อติดตามผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้เสียหายจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535

บุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ประธานคณะกรรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) สื่อมวลชนไทยถูกปิดกั้นการนำเสนอ ข่าวสารต่างๆ ล้วนได้รับทราบจากสื่อต่างประเทศทั้งสิ้น เช่น CNN BBC ซ้ำยังมีสถานีวิทยุบางแห่งสร้างข่าวเท็จให้ประชาชนสับสน เป็นต้นว่า จส.100 นำมาสู่การปฏิรูปให้เกิดสื่อเสรีขึ้นมาในช่วงรัฐบาลประชาธิปไตยหลังจากนั้น กิจกรรมในวันที่ 18 พ.ค. นั้นจึงเป็นการสัมมนานานาชาติ และมีวิทยากรจากหลายประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะผู้มีส่วนขับเคลื่อนประชาธิปไตย เช่น เหตุการณ์กวังจูในประเทศเกาหลีใต้ ผู้ประท้วงเผด็จการมาร์กอสในฟิลิปปินส์ ซึ่งจัดขึ้นที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ด้าน มงคล บางประภา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเหตุการณ์พฤษภา 2535 ระบุว่า ตนได้ซึมซับบทเรียนจากเหตุการณ์ดังกล่าวหลายด้าน โดยพบว่าปัญหาของการเมืองไทยมีรากฐานมาจากการเข้าสู่อำนาจโดยไม่ชอบธรรม หนุนเสริมด้วยการทุจริตประพฤติมิชอบ และอีกบทเรียนคือ ในการต่อสู้กับอำนาจที่ไม่ถูกต้อง หาต่อสู้กลับด้วยแนวทางที่ไม่ถูกต้องเช่นกันนั้น อาจได้ผลลัพธ์ที่เร็ว แต่ไม่สามารถดำรงไว้ซึ่งหลักการอันยั่งยืน จึงควรอย่างยิ่งจะต้องยึดมั่นไว้ในสันติวิธี

"จากบทเรียนของเหตุการณ์ พ.ค. 2535 สื่อมวลชนยิ่งต้องตระหนักในความจริงที่รอบด้าน บนพื้นฐานของความไม่อคติ ไม่เอาอารมณ์ความโกรธความแค้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการส่งต่อข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้การต่อสู้ของประชาชนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จะได้จรรโลงไปในหลักการที่ถูกต้องและยั่งยืน"

ขณะที่ โคทม อารียา ประธานคณะกรรมการมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม ระบุถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดงานว่า อยู่ภายใต้แนวคิด รำลึก เรียนรู้ และร่วมสร้างอนาคต ผ่านองค์ประกอบด้านศิลปะวัฒนธรรม พิธีทางศาสนา และการสัมมนา ทั้งนี้ จะทำการปลูกต้นเสลา 17 ต้น บริเวณ สวนสันติพร โดยตั้งความหวังว่าจะเจริญงอกงามต่อไป เป็นภาพแทนความยั่งยืนของประชาธิปไตย