ที่ สน.วังทองหลาง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง แกนนำคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ หรือ คปอ. เดินทางมาพร้อมทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน หลังถูกตั้งข้อหาความผิดตาม พรก.ฉุกเฉิน จากการจัดกิจกรรมหน้าสถานทูตกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2563 เพื่อเรียกร้องรัฐบาลกัมพูชาสอบสวนกรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมแลผู้ลี้ภัยชาวไทย ที่ถูกอุ้มหายตัวไปโดยยังไม่ทราบชะตากรรมอย่างจริงจัง
ขณะที่มีประชาชน กว่า 10 คนมาให้กำลังใจรวมถึง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา จะนำกลุ่มพลังมดด้วย
นายสมยศ กล่าวว่า วันนี้นอกจากรายงานตัว ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนจะยื่นคำให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน โดยขอให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง แม้เข้าใจว่าทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจแล้ว ยังมีวาระขอให้ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย เพราะเป็นการใช้กฎหมายผิดวัตถุประสงค์ และทางกลุ่มยืนยันจากเคลื่อนไหวต่อไป โดยวันที่ 9 ก.ค. นี้ทางกลุ่มและเครือข่ายจะเดินเท้า ตั้งแต่ MRT ลาดพร้าวไปที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่นอกจากเป็นการใช้เพื่อ สกัดกั้นการเคลื่อนไหวและละเมิดสิทธิของประชาชนไม่ใช่เป็นไปเพื่อการควบคุมโรคระบาดแล้ว ยังส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง
พร้อมกันนี้ฝากเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยว่า การใช้กฎหมายคุกคามประชาชน กระทั่งกล้าข่มขู่ ส.ส. ในสภา ให้ระวังตัวไว้นั้น ก็ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ระวังตัวไว้ด้วยเช่นกัน เพราะการเหลิงอำนาจ อาจจะนำมาซึ่งจุดจบที่ไม่สวยงาม โดยอยากให้ดูตัวอย่างเผด็จการรุ่นที่ในอดีตไว้ ที่สุดท้ายไม่มีแผ่นดินอยู่
นายโชติศักดิ์ ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคยชินกับการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ หรือใช้กฎหมายพิเศษ ในการบริหารประเทศ ซึ่งแม้อาจจะรู้ว่าส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจ แต่คงไม่ให้ความสำคัญเท่ากับการรักษาอำนาจ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจตามปกติไม่เป็น
ส่วนการเคลื่อนไหวของประชาชนในการคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับการประกาศใช้และต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น สามารถแสดงออกได้ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นการแสดงอารยะขัดขืนหรือการเขารับทราบแต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทั้งยังแสดงความชื่นชมแกนนำสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่แสดงอารยะขัดขืนด้วยการฉีกสำเนาหมายเรียก เพื่อปฏิเสธอำนาจ พ.ร.ก. ฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้