รายงานของกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 7 ก.ย. แสดงให้เห็นว่า วง BTS ศิลปินกลุ่มเกาหลีใต้อาจจะสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้สูงถึง 1.7 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 43,000 ล้านบาทจากเพลง Dynamite ซึ่งเป็นเพลงที่ปล่อยออกมาล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
ในรายงานฉบับนี้ประเมินว่า เพลง Dynamite จะสร้างยอดขายทั่วโลกได้ถึง 245,700 ล้านวอน หรือประมาณ 6,488 ล้านบาท หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพลง Dynamite เกาหลีใต้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นบิลบอร์ดชาร์ตอันดับ 1 ของการจัดอันดับเพลงสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่าวง BTS จะสร้างสามารถสร้างรายได้ให้กับภาคส่วนต่างๆ ของเกาหลีใต้ได้อย่างมหาศาล โดยในรายงานนี้ชี้ว่า วง BTS จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตถึง 1.23 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 32,481 ล้านบาท และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวงการอุตสาหกรรมเกาหลีใต้อีก 480,000 ล้านวอน หรือประมาณ 12,675 ล้านบาท และจะยังสร้างงานภายในประเทศเพิ่มอีกกว่า 8,000 ตำแหน่ง
วง BTS ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับวงการอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีใต้เท่านั้น แต่วง BTS ยังสร้างรายได้ให้แก่วงการต่างๆ ทั้งวงการเครื่องสำอางที่มี วง BTS เป็นพรีเซนเตอร์ หรือ วงการอาหารของเกาหลีใต้ โดยมีการประเมินว่า วง BTS สร้างรายได้ให้กับการขายเครื่องสำอางของเกาหลีใต้ถึง 276,300 ล้านวอน หรือ ประมาณ 7,296 ล้านบาท ขณะที่ในอุตสาหกรรมอาหาร วง BTS สามารถสร้างรายได้ให้ถึง 74,100 ล้านวอน หรือประมาณ 1,957 ล้านบาท
ทางกระทรวงวัฒนธรรมฯ กล่าวว่า วง BTS เป็นชัยชนะทางเศรษฐกิจที่มาทดแทนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปจากเกาหลีใต้ รวมถึงการยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตต่างๆ ในเกาหลีใต้
รายงานของสถาบันเศรษฐกิจฮุนไดเมื่อปี 2561 ระบุว่า วง BTS สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเกาหลีใต้ได้กว่า 800,000 ราย และสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้ถึง 4.1 ล้านล้านวอน หรือ ประมาณ 108,271 บาท
ขณะที่รายงานของ Korea Creative Content Agency ระบุว่าในปี 2562. อุตสาหกรรมเคป็อบ สร้างรายได้ถึง 639.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 20,048 ล่้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 13.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ยังชี้ว่า วง BTS นั้นได้สร้างภาพลักษณ์และมูลค่าของประเทศเกาหลีใต้ให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ที่มา Koreatimes / Nikkei Asian Review
ข่าวที่เกี่ยวข้อง