“เพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของคดีอาญานี้ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้กลายเป็นพลเมืองทรัมป์ โดยให้มีความคุ้มครองเหมือนกับจำเลยทางคดีอาญาคนอื่นๆ” คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ในเขตโคลัมเบียเซอร์กิต ระบุในคำตัดสินเมื่อวันอังคาร (6 ก.พ.) “แต่เอกสิทธิ์คุ้มครองของผู้บริหารที่อาจปกป้องเขาในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่ได้ปกป้องเขาจากการถูกฟ้องร้องอีกต่อไป” คำตัดสินระบุ
คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นคำตัดสินครั้งที่ 2 ในรอบหลายเดือนที่ผู้พิพากษาสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อโต้แย้งของทรัมป์ที่ว่า เขาไม่สามารถถูกดำเนินคดีในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้
ทั้งนี้ สตีเวน เฉิง โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์กล่าวว่า คำตัดสินดังกล่าว “คุกคามรากฐานของสาธารณรัฐของเรา”
“หากไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองอย่างสมบูรณ์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม” เฉิงกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมกล่าวว่าทรัมป์จะยื่นคำอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว แต่เฉิงไม่ได้ระบุว่าทรัมป์จะขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาทบทวนคดีดังกล่าวในวอชิงตันก่อน หรือเขาจะยื่นคำอุทธรณ์ไปที่ยังศาลสูงสุดสหรัฐฯ โดยตรง
ทั้งนี้ กระบวนการดำเนินคดีนี้จะยังคงถูกระงับไว้จนกว่าจะถึงวันจันทร์หน้า (12 ก.พ.) เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ทรัมป์มีเวลายื่นอุทธรณ์
ทนายความของทรัมป์โต้แย้งว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่อาจถูกดำเนินคดีทางอาญาจากการดำเนินคดีของทางการ เว้นแต่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะลงมติถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีก่อน และได้รับการลงมติถอดถอนอีกครั้งโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ถูกรัฐสภาสหรัฐฯ เปิดมติถอดถอนกว่า 2 ครั้ง โดยหลังจากการพิจารณามติของวุฒิสภาสหรัฐฯ วุฒิสมาชิกส่วนใหญ่เห็นว่าทรัมป์มีความผิดจริง แต่มติถอดถอนทั้ง 2 ครั้งประสบกับความล้มเหลวในการบรรลุเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ที่จำเป็นในการถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ส่งผลให้ทรัมป์พ้นผิด
ทันยา ชุตกา ผู้พิพากษาเขตของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประธานในคดีนี้ ปฏิเสธข้อโต้แย้งของทรัมป์เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยชุตกากล่าวว่าการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี “ไม่ได้ให้บัตรผ่าน 'ออกจากคุกฟรี' ตลอดชีวิต” แก่ทรัมป์
ในทางตรงกันข้าม ทนายของทรัมป์นำข้อโต้แย้งของพวกเขาไปยื่นยังศาลอุทธรณ์วอชิงตัน หลังจากแพ้คำตัดสินเบื้องต้น โดยสมิธขอให้ศาลสูงสุดสหรัฐฯ นำคดีดังกล่าวขึ้นพิจารณาก่อน เพื่อหวังว่าจะได้คำตัดสินที่รวดเร็วและเด็ดขาด และคงวันพิจารณาคดีไว้ในวันที่ 4 มี.ค. จากคดีแทรกแซงการเลือกตั้งระดับรัฐบาลกลาง
อย่างไรก็ดี ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าว โดยปล่อยให้หน้าที่การพิจารณาคำอุทธรณ์ตกเป็นหน้าที่ของศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคดี
แม้ว่าศาลจะไม่ยอมรับข้อโต้แย้งของทรัมป์ แต่การอุทธรณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายของทรัมป์ในการชะลอการพิจารณาคดีออกไปเกินกว่าวันที่ 4 มี.ค. และอาจเลื่อนออกไปจนถึงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการแข่งขันระหว่างทรัมป์และไบเดน
หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.นี้ ทรัมป์อาจจะดำเนินการออกกฎหมายอภัยโทษตัวเอง หรือเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมปิดคดีของรัฐบาลกลางได้ อย่างไรก็ดี ทรัมป์จะต้องเผชิญหน้ากับคดีอาญาอีก 3 คดี และทั้งหมดเป็นคดีระดับมลรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงเพื่อระงับการดำเนินคดีได้
ที่มา: