ไม่พบผลการค้นหา
สรรพสามิตเผย ม.ค. 2563 ขึ้นภาษีรถจักรยานยนต์ตามการปล่อยมลพิษ บิ๊กไบค์เจอเสียภาษีเพิ่มขึ้น 1 แสนบาทต่อคัน

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตเสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เห็นชอบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยายนต์ตามการปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นการเสนอเพื่อทราบ หลังจากก่อนหน้านี้ ครม.รัฐบาลชุดก่อนเห็นชอบไว้แล้ว โดยภาษีดังกล่าวจะมีผลวันที่ 1 ม.ค. 2563 นี้ ซึ่งปรับภาษีรถจักรยานยนต์อิงตามค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากท่อไอเสีย ซึ่งจะแบ่งภาษีเป็น 4 ระดับคือ ร้อยละ 3, ร้อยละ 5, ร้อยละ 9 และร้อยละ 18 จากเดิมการเสียภาษีส่วนใหญ่อยู่ที่ ร้อยละ 2.5-3

นายณัฐกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ปรับตัวเพื่อรองรับภาษีใหม่พอสมควร ประเมินว่าหากไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีในรถจักรยานยนต์เพื่อให้ปล่อยมลพิษน้อยลงทำให้กรมเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 500-700 ล้านบาท โดยรถจักรยานยนต์ทั่วไปที่มีขนาด 150 ซีซีคิดเป็น ร้อยละ 90 ของรถจักรยานยนต์ทั้งหมดจะเสียภาษีเพิ่ม 100 บาท แต่หากเป็นรถบิ๊กไบค์ราคาขายคันละ 1 ล้านบาท คาดว่าจะเสียภาษีเพิ่มกว่า 1 แสนบาทต่อคัน เพราะถ้าไม่สามารถลดการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียได้ ภาษีรถบิ๊กไบค์เพิ่มเป็น ร้อยละ 18 จากเดิมเคยเสีย ร้อยละ 9

ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมายอดขายรถจักรยายนต์อยู่ที่ 1.79 ล้านคัน แม้จะมีการปรับเปลี่ยนภาษีใหม่ แต่ปีนี้ (62) ยอดขายไม่ได้หวือหวา เพราะยอดขายจะขึ้นอยู่กับราคาพืชผลทางการเกษตรกรด้วย โดยขณะนี้ยังไม่พบการซื้อขายรถจักรยายนต์เพิ่มขึ้นจนผิดปกติเพื่อหนีภาษี เพราะรถทั่วไปขนาด 125 ซีซีนั้นปรับขึ้นไม่มากแค่ระดับ100 บาทต่อคันเท่านั้น

นายณัฐกร กล่าวต่อถึงการปรับขึ้นภาษีความหวานในเครื่องดื่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 2562ว่า ผู้ผลิตเครื่องดื่มได้มีการปรับสูตรความหวานให้น้อยลง เพื่อไม่ให้เป็นภาระภาษี ดังนั้นส่งผลให้การจัดเก็บภาษีในปีนี้ลดลงประมาณ 20 ล้านบาท ถือว่าผู้ผลิตตื่นตัวปรับตัวพอสมควร