วันนี้ (2 ตุลาคม 2567) เวลา 10.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวมาตรการส่งดี (Dee – Delivery) การให้บริการขนส่งสินค้า โดยเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้า โดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 โดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลตำรวจตรี วิทยา ศรีประเสริฐภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ประกอบการให้บริการขนส่ง และแพลตฟอร์มออนไลน์รวม 7 แห่ง ร่วมแถลงข่าว
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคมีการจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางมากขึ้น เพราะสะดวกสบายแค่มีเพียงโทรศัพท์เครื่องเดียว ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจบางรายหวังใช้ช่องทางนี้เพื่อหลอกลวงผู้บริโภค เช่น ส่งสินค้าไม่ตรงปก มีสินค้าไปส่งแล้วเรียกเก็บเงินโดยผู้รับไม่ได้สั่ง ไม่ได้รับสินค้า สินค้าที่ได้รับมีความชำรุดบกพร่อง สินค้าสูญหาย ไม่สามารถติดต่อผู้ขายได้หากเก็บเงินปลายทาง เมื่อผู้บริโภคได้ชำระเงินให้กับผู้ส่งสินค้าแล้วเกิดปัญหาต้องการที่จะขอเงินคืน ปรากฏว่าผู้ให้บริการขนส่งสินค้าได้นำเงินไปจ่ายให้กับผู้ขายสินค้าไปแล้ว และผู้บริโภคไม่สามารถติดต่อไปยังผู้ขายสินค้าได้ และไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา
นางสาวจิราพร ย้ำว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว และมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2567 หรือเรียกว่า มาตรการส่งดี (Dee – Delivery) โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เป็นการแก้ไขปัญหาผู้ขายสินค้าที่ไม่สุจริต หลอกลวงผู้บริโภค คุ้มครองผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกิดความเสียหายจากการสั่งซื้อสินค้าและรับบริการขนส่งจากผู้ประกอบธุรกิจ รวมทั้งผู้บริโภคจะได้รับการชดเชยเยียวยาความเสียหาย ด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ซึ่งจากประกาศฉบับนี้ เมื่อผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง พนักงานขนส่งจะต้องลงชื่อในหลักฐานการรับเงิน และส่งมอบให้กับผู้บริโภค หากเปิดกล่องสินค้าแล้ว สินค้าไม่ตรงปก ชำรุด ไม่ได้สั่งสามารถปฏิเสธการรับสินค้าและไม่ต้องชำระเงินได้ หรือหากผู้บริโภค เปิดกล่องสินค้าภายหลังจากที่ชำระเงินไปแล้ว พบปัญหา สินค้าไม่ตรงปก ชำรุด ไม่ได้สั่ง ต้องแจ้งขอเงินคืน ภายใน 5 วัน นับจากวันที่ได้รับสินค้า
ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีเหตุตามที่แจ้งจริง บริษัทขนส่งจะต้องคืนเงินทั้งหมดให้กับผู้บริโภค ภายใน 15 วัน ซึ่ง สคบ. ได้เปิดเวทีหารือร่วมกันกับผู้ประกอบการขนส่ง ทำให้เกิดแนวปฏิบัติที่ชัดเจน และผู้ประกอบการขนส่งยินดีร่วมมือและสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับ สคบ. เพื่อให้ประกาศฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 แอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th
“มาตรการส่งดีของ สคบ. เป็นการแก้ปัญหาเชิงรุก สำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าปลายทาง มีหลายกรณีที่ไม่ได้สั่งซื้อแต่มีสินค้ามาส่ง หรือสั่งซื้อแล้วแต่สินค้าชำรุดบกพร่อง ไม่ตรงปก จะช่วยแก้ปัญหาในส่วนนี้ของผู้บริโภค เป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สำหรับกรณีที่พบว่าร้านค้าตั้งใจที่จะหลอกลวงผู้บริโภค ผู้บริโภคสามารถแจ้งมาที่ สคบ.ได้ ซึ่งจะมีกระบวนการรับเรื่องร้องทุกข์ผ่านคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและมีบทลงโทษในแต่ละกรณี จากการทำงานของ สคบ.ร่วมกับดีอี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามิจฉาชีพหลอกลวงผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการคุ้มครองพี่น้องประชาชนให้ได้รับความคุ้มครอง ไม่ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ เพราะฉะนั้นก็จะมีการทำงานร่วมกันในเชิงรุกในการแก้ไขในส่วนของมาตรการทางกฎหมายด้วย และจะเตรียมการป้องกันในเชิงรุกต่อไป” นางสาวจิราพร กล่าว