ที่บริเวณลานจักรพงษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ กลุ่มนิสิต คณะจุฬาฯ และกลุ่มนิสิตและศิษย์เก่าจุฬาฯ จัดกิจกรรม "เสาหลักจะไม่หักเหมือนตาชั่ง" เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติการคุกคามประชาชน ผู้ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมือง พร้อมกับเรียกร้องให้ศาลยุติธรรมสั่งปล่อยตัวแกนนำและสมาชิกแนวร่วมกลุ่มคณะราษฎร ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาความผิด ม.112 โดยไม่มีเงื่อนไข และยกเลิกใช้ ม.112 ซึ่งทางฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมที่บริเวณลานพระบรมรูปสองรัชกาลตามที่ได้นัดหมายก่อนหน้านี้ โดยให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยนำรั้วเหล็กมาปิดกั้นพื้นที่
ต่อมา กลุ่มนิสิต คณะจุฬาฯ จำนวนหนึ่งนำโดย สิรภพ อัตโตหิ นำป้ายข้อความ"พื้นที่นี้ จุฬาฯสงวนให้จัดม็อบเฉพาะกปปส.&ผู้สนับสนุน รปห." มาวางประท้วง ก่อนย้ายไปทำกิจกรรมที่บริเวณลานจักรพงษ์ที่อยู่ใกล้เคียงแทน ขณะที่ป้ายข้อความประท้วงดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยเก็บออกจากพื้นที่ไปทั้งหมด
เวลา 16.30น. สโมสรนิสิตจุฬาฯ ออกแถลงการณ์เรื่อง จุดยืนต่อความไร้มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมไทย เรียกร้องให้รัฐบาลและศาลยุติธรรมสั่งปล่อยตัวประชาชนผู้ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองทั้งหมด ที่ถูกคุมขัง หรือถูกลงโทษไม่ว่าในฐานความผิดใดอย่างเกินกว่าเหตุและไม่ยุติธรรม และรัฐบาลต้องหยุดใช้กฎหมายต่างๆ
เช่น ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 หรือ ม.116 เป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเกินสมควร หากเกิดการคุกคามประชาชนไม่ว่าจะรูปแบบใดโดยรัฐบาลหรือบุคคลในหน่วยงานของรัฐจะต้องมีการพิจารณาลงโทษผู้ใช้อำนาจกระทำความผิดนั้นตามหลักกฎหมายอย่างเที่ยวตรงโดยไม่มีข้อยกเว้น และกระบวนการยุติธรรมควรตรวจสอบได้ และควรได้รับการตรวจสอบว่าเป็นไปตามหลักกฎหมายอย่างถูกต้องและสมเหตุสมผลหรือไม่
สโมสรนิสิตจุฬาฯ ยังระบุด้วยว่า ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ทางตันด้วยสาเหตุหลายประการ หนึ่งในนั้นคือการใช้อำนาจทางกฎหมายเป็นเครื่องมือ ในการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็น “นิติสงคราม” ระหว่างรัฐกับประชาชนผู้ออกมาแสดงพลังเรียกร้องประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรมในขณะนี้กลับกลายเป็นกระบวนการไม่ยุติธรรม อันเป็นเครื่องมือทางอำนาจของคนบางกลุ่มเพื่อใช้ขจัดศัตรูหรือผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองให้พ้นทาง
ไม่ว่าจะด้วยการดำเนินคดีประชาชนด้วยความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เกินกว่าเหตุ รวมทั้งการสลายการชุมนุม จับกุมประชาชนผู้ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองด้วยมาตรการที่ขัดกับหลักการสากล และไร้มาตรฐาน เมื่อเทียบกับการอำนวยความยุติธรรมให้กับกลุ่ม กปปส. ความไร้มาตรฐานที่ชัดเจนเช่นนี้
นอกจากสะท้อนถึงความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมไทยที่กลายเป็นปฏิปักษ์ต่อการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ยังทำให้ประชาชนไทยที่ถูกลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของตนเองอย่างไม่เป็นธรรมโดยกระบวนการยุติธรรมที่หันหลังให้กับหลักการทางประชาธิปไตยเสื่อมศรัทธาในกระบวนการนี้เรื่อยไป
กระทั่งเวลา 17.30 น. กลุ่มนิสิตได้เริ่มกิจกรรม "เสาหลักจะไม่หักเหมือนตาชั่ง" ด้วยการจัดพิธีกรรมบำเพ็ญกุศลความยุติธรรมไทยที่ถูกเผา เริ่มจากเปิดให้นิสิตจุฬาฯ และประชาชนทั่วไปร่วมกันรดน้ำศพตาชั่งความยุติธรรม จากนั้นพระสงฆ์กลุ่ม "คณะปฏิสังขรณ์การพระศาสนาใหม่"4 รูป นำตาลปัตร ติดป้าย “กู่ไม่กลับ หลับ(ไม่ยอม)ตื่น ขมขื่นทุกนาที หนี(ความจริง)ไม่พ้น” สวดอภิธรรมให้กับความยุติธรรม
จากนั้น มีตัวแทนนิสิต กลุ่มคณะจุฬาฯ ขึ้นขับเสภาไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรมไทย ระบุว่า ขอให้ไปดีพ้นโศกจากความอยุติธรรม ก่อนจะทำการจำลองการฌาปนกิจโลงศพจำลองด้วยการกดสัญญาณเผาศพ จากนั้นคณะแกนนำผู้จัดกิจกรรมได้เชิญชวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมนอนชูสามนิ้วเคารพเพลงชาติในเวลา 18.00 น. ก่อนจะมีการเปิดโอกาสให้ตัวแทนนิสิตจากหลากหลายคณะสลับกันขึ้นปราศรัย และเล่นดนตรีปิดท้าย ซึ่งตามกำหนดการกิจกรรมทั้งหมดจะสิ้นสุดลงในเวลา 21:00 น.