ไม่พบผลการค้นหา
‘วันชัย’ ซัด ‘เรืองไกร’ นึกสนุกตรวจสอบ ส.ว.ถือหุ้นสื่อ ยันตัวเองตรวจสอบคุณสมบัติแล้วไม่มีปัญหา ขู่ฟ้องกลับแน่ทั้งแพ่ง- อาญา ฐานทำให้เสียหาย ย้ำข้อเท็จจริงต่างกับ ‘ธนาธร’

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เตรียมยื่นหนังสือต่อ กกต.ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว. 21คน ถือหุ้นสื่อมวลชนว่า ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็น ส.ว.นั้น ตนได้ตรวจสอบคุณสมบัติของตนเองครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะเป็นการถอนหุ้น หรือลาออกจากบริษัท ตลอดจนคุณสมบัติใดๆ ตนเป็นนักกฎหมายก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ยืนยันเรื่องคุณสมบัติของตนไม่มีปัญหาใดๆ และหากในส่วนของตน เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นการร้องเป็นความเท็จ ดังนั้น ตนอยากให้ผู้ร้องเตรียมรับการฟ้องของตนด้วย ตนจะฟ้องทั้งทางแพ่งและทางอาญาให้เป็นตัวอย่าง ไม่ใช่นึกแค่สนุกแล้วลุกขึ้นมาร้องเรียนอะไรกับใครก็ได้ ทำให้คนอื่นเสียหายโดยที่คนร้องไม่รับผิดชอบอะไร ดังนั้นหากนายเรืองไกร นำเรื่องดังกล่าวมาร้องเรียนเมื่อไรก็เจอกับตนแน่ ตนยืนยันว่าจะฟ้องและดำเนินคดีกับนายเรืองไกร ให้ถึงที่สุด 

เมื่อถามว่า ที่มีปัญหาคือเรื่องของใบบริคณห์สนธิ จัดตั้งบริษัทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำสื่อด้วยนั้น นายวันชัย กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตนขอไม่ก้าวล่วง ดังนั้นตนไม่อยากให้ ส.ส.และ ส.ว.ตื่นตระหนกตกใจเกินความจำเป็น เพราะข้อเท็จจริงของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับกรณีที่ ส.ส.และ ส.ว.ถูกร้องเป็นคนละเรื่อง และเป็นคนละข้อเท็จจริง จะนำมาเปรียบเทียบเหมือนกันไม่ได้ แต่ในทางการเมืองนั้นจะต้องมีข้อยุติ เพราะอยากให้บรรทัดฐานเกิดขึ้น ดังนั้นการที่เรื่องดังกล่าวไปถึงศาลรัฐธรรมนูญและวินิจฉัยให้ถึงที่สุดถือเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นหากฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลจะร้อง ตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดคงามเสียหายกับใคร เเต่มองว่าทุกฝ่ายต้องการบรรทัดฐานทางการเมืองและข้อยุติ

เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยพิจารณาวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฎิบัติหน้าที่และศาลฎีกาเคยตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว กรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ นายวันชัย กล่าวว่า ศาลฎีกาที่พิจารณาก็เป็นเพียงบางจังหวัดที่เกิดขึ้น อีกทั้งข้อเท็จจริงก็ต่างกัน ถ้าเราไปดูจะเห็นว่าบางจังหวัดแบบฟอร์มไม่ได้เป็นไปตามใบบริคณห์สนธิ แต่อาจจะมีการเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งศาลอาจจะดูในส่วนนี้ ดังนั้นอย่ามองว่าจะเหมือนกันเสมอไป เมื่อถามต่อว่า ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้น ในส่วนของส.ส.และส.ว.ที่โดยร้องจะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ไปด้วยหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า หาก ส.ส. หรือ ส.ว.ที่โดนร้องที่พฤติการณ์เหมือนนายธนาธรจริง ตนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนของ ส.ว.หากมีการร้องเรียนแล้วเรื่องมาถึงจริง คณะทำงานของ ส.ว.ก็คงจะต้องมีการพิจารณาร่วมกัน คงไม่ปล่อยให้ไปคนละทิศคนละทาง แล้วหลังจากนั้นเราก็จะต้องมาประมวลดูว่าแนวทางจะดำเนินการไปต่อในทิศทางใด

ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (24 มิ.ย.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยนายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของ ส.ว.จำนวน 21 คน สิ้นสุดลง เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้รีบส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องให้ กกต.เรียกเข้าให้ข้อมูลเพื่อให้เปิดเผยขั้นตอนการสรรหา ส.ว. ของคณะกรรมการสรรหาที่ตั้งขึ้นมาจาก คสช. จะผิดถูกอย่างไรหรือต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของ กกต.สำหรับ ส.ว. อีก 200 คนยังไม่ต้องน้อยใจทุกคนจะถูกตรวจสอบทั้งหมด โดยขณะนี้ตนกำลังร่วมกับ 7 พรรคการเมืองตรวจสอบข้อมูลรวมถึง ส.ส. 55 รายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กำลังจะยื่นตรวจสอบ

นอกจากนี้ยังจะตรวจสอบการถือหุ้นของ ส.ว.อีกกว่า 400 คน ทั้งที่อยู่ในบัญชีสำรอง และผู้ได้รับการคัดเลือกในรอบแรก โดยเฉพาะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว. ที่ตรวจสอบได้เบื้องต้นพบว่าถือหุ้นในบริษัทใหญ่ แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เรื่องการดำเนินธุรกิจสื่อ หรือ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวาณิช ที่ถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ถือหุ้นด้วยตัวเองและภรรยาจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นของมหาวิทยาลัยเอกชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง