ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ครบรอบปีที่ 61 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2562 ย้ำน้อมนำแนวทางจิตอาสา ร.10 และร่วมมือกับรัฐบาลเดินประเทศไปสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร ครบรอบปีที่ 2561 และงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2562 เพื่อเป็นเกียรติแก่ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร และนักเรียนเตรียมทหารทุกนาย โดยมี พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประธานกรรมการมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร หัวหน้าส่วนราชการของกระทรวงกลาโหม นักเรียนเตรียมทหารให้การต้อนรับและเข้าร่วมงาน 

ขณะเดียวกัน ยังมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี /พลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการเหล่าทัพ อดีตบัญชาการเหล่าทัพและอดีตนายทหารเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

จากนั้น นายกฯ มอบ รางวัลศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาว ซึ่งมีผู้ได้รับการคัดเลือก จำนวน 17 คน ได้แก่ พลเอกณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ 

ส่วนศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลเกียรติยศจักรดาวโดยการคัดสรร ได้แก่ พลเอกอักษรา เกิดผล เตรียมทหารรุ่นที่ 14 สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ พลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว เตรียมทหารรุ่นที่ 24 สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ พลเอกสมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล เตรียมทหารรุ่นที่ 16 สาขาการทหาร พลโทสุพจน์ มาลานิยม เตรียมทหารรุ่นที่ 22 สาขาการทหาร

พันเอกพสิษฐ์ ชาญเลขา เตรียมทหารรุ่นที่ 25 สาขาการทหาร ว่าที่ ร.ต.ชาญวิทย์ อนัคกุล เตรียมทหารรุ่นที่ 18 สาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม พลเอกธงชัย สาระสุข เตรียมทหารรุ่นที่ 19 สาขาพัฒนาสังคม พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร เตรียมทหารรุ่นที่ 12 สาขาการเมืองและการบริหารรัฐกิจ นาวาเอกศาสตราจารย์ ประสงค์ ปราณีตพลกรัง เตรียมทหารรุ่นที่ 23 สาขาการศึกษา

ส่วนรายชื่อศิษย์เก่าเตรียมทหารที่ได้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการได้รับรางวัลจักรดาวสดุดี ได้แก่ พล.อ.ท.เกริกเกียรติ สุวรรณโณ เตรียมทหารรุ่นที่ 43 ซึ่งประสบอุบัติเหตุเครื่องบินขับไล่ฝึกบิน แอล - 39 สังกัดฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ตกภายในสนามกอล์ฟของเขื่อนภูมิพล หมู่ที่ 6 ต.สามเงา อ.สามเงา จ.ตาก ขณะฝึกบินโจมตีทางยุทธวิธีของกองทัพอากาศ พล.ต.เขมราช ดวงแก้ว เตรียมทหารรุ่นที่ 51 และ พล.ต.วโรฒม์ แปรงกระโทก เตรียมทหารรุ่นที่ 51 ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินใบพัดรุ่น CESSNA 182 หรือเครื่องบินลาดตระเวน แบบ 17 ของกองทัพบกตก ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวกล่าวสดุดียกย่องผู้ที่ได้รับรางวัล “จักรดาวสดุดี” ประจำปี 2562 ทั้ง 3 ท่าน ที่ปฏิบัติหน้าที่เสียสละเพื่อส่วนรวม ถือเป็นการอุทิศชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการทหารอย่างสมเกียรติภูมิชายชาติทหาร เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติตลอดไป พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลว่า ข้าราชการทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ ทุ่มเท เสียสละ มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีผลงานดีเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อราชการของกองทัพ และประชาชน

รวมทั้งสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้กับส่วนรวม ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติตลอดระยะเวลาการรับราชการที่ผ่านมา และขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเข้มแข็ง มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เพื่อดำรงรักษาอธิปไตยและความมั่นคงปลอดภัยของบ้านเมือง ขอให้น้อมนำแนวทางจิตอาสาพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาบูรณาการการปฏิบัติหน้าที่ราชการทหาร เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่องานราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของทหารและตำรวจ ด้วยการสร้างเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ที่ให้ดีให้กับตนเอง ซึ่งจะนำพาประเทศชาติ ไปสู่ความสงบและสันติ สู่ความยั่งยืนในทุกมิติและทุกรูปแบบ จึงเป็นที่มาว่ามีทหารไว้ทำไม และฝากไปยังประชาชนทุกคน ทั้งที่อยู่ในราชการและนอกราชการ และผู้ที่ทำงานทุกคน ขอให้ทุกคนได้สร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรี และความภูมิใจในการทำหน้าที่ทหาร และตำรวจ 

ทั้งนี้ เกียรติยศและศักดิ์ศรีสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวของเราเอง ซึ่งมาจากการปฎิบัติ แล้วได้รับสิ่งตอบแทน ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัว ดังนั้นต้องคงไว้ตลอดอย่าสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกองทัพ ที่จะต้องขจัดสิ่งเรานี้ออกไปให้ได้ และต้องยึดถือเสมอว่า ทหารและตำรวจ เป็นที่พึ่งของประชาชน ในทุกโอกาส และเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนทุกคน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งว่า ให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนนั้นมีความสุข มีระเบียบวินัย มีความเจริญยั่งยืนสืบไป ดังนั้นทุกคนจะต้องมาช่วยกัน และร่วมมือกับรัฐบาล ในการเดินหน้าประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองภายมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป โดยบอกเพียงสั้นๆว่า ให้ไปดูข้อกฎหมาย