ไม่พบผลการค้นหา
‘เพื่อไทย’ เสวนาจัดเสวนา 'จนมุมกลางสภา แล้วยังกล้าไปต่ออีกหรือไม่' ส.ส.ร้อยเอ็ดเปรียบ 'ประยุทธ์' เหมือนสินค้าหมดอายุ รอวันย่อยสลาย ซัดรัฐบาลแจงศึกซักฟอกไม่ชัด 'จุลพันธ์' ชี้พิรุธปูดข่าวแจกก 5 ล้าน ส.ส.รัฐบาลลุกประท้วงรัว ขณะที่ 'ชลน่าน' คาด ใช้ร่างแก้ รธน. ใหม่ บังคับใช้หลัง ต.ค. จากนั้นนายกฯ จะยุบสภา ด้าน 'สุทิน' เชื่อม็อบนอกสภาคว่ำรัฐบาลได้

วันที่ 14 ก.ย. 2564 พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาในหัวข้อ "จนมุมกลางสภา แล้วยังกล้าไปต่ออีกหรือ" โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย

โดย จิราพร กล่าวถึงภาพรวมของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด หากเมื่อเทียบกับการชี้แจงของรัฐบาลเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา มองว่ารัฐบาลยังคงตอบคำถามไม่ชัดเจนในหลายประเด็น รวมถึงพฤติกรรมการตอบคำถามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งจำแนกเป็น 4 พฤติกรรมหลัก คือ

1.การตอบก่อนถาม ซึ่งถ้าหากดูจากการอภิปรายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย จะสังเกตเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ แทบไม่ได้อยู่ฟังผู้อภิปรายในสภาเลย พอถึงคิวชี้แจงก็เอาแต่ลุกขึ้นอ่านโพย โดยไม่ทราบเลยว่าเนื้อของการอภิปรายไปถึงไหนแล้ว 

2.การตอบแบบไร้ภูมิปัญญา ซึ่งการอภิปรายในทุกครั้งที่ผ่านมา จะเห็นถึงความพยายามในการแก้ตัว รวมถึงการนำประเทศไทยไปเทียบกับประเทศที่แย่กว่าอยู่บ่อยครั้ง เป็นการเทียบแบบไร้ภูมิปัญญา พร้อมยกตัวอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยกข้อมูลเทียบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษ ว่ามีจำนวนมากกว่าประเทศไทย แต่หากมองความจริงแล้วประเทศอังกฤษ มีการตรวจเฉลี่ยต่อวันมากกว่าประเทศไทย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติหรือไม่ หากจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 

3.การตอบไม่ตรงคำถาม ยกตัวอย่างเช่น การที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค แล้วเปิดหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการทุจริตเงินทอน แต่ปรากฏว่าทาง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุุข กลับตอบว่าส่วนต่างนั้นเข้าคลัง ไม่ได้เอาไปไหน พอจี้ถามต่อขอหลักฐานให้ชี้แจงกลางสภาเพื่อความชัดเจน อนุทิน กลับชี้แจงไม่ได้ อ้างว่าไม่ได้ทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งมันคนละประเด็นกัน โดยพฤติกรรมดังกล่าวปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต

4.การไม่ตอบเลย กรณีนี้เห็นทุกครั้งของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พอฝ่ายค้านจี้มากๆ รัฐบาลกลับยกบทกลอน หรือเรื่องอื่นๆมากลบ

จิราพร ยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกจะขอสละเงินเดือน 3 เดือนนั้น เพราะไม่เอาเงินเดือน แต่จะเอาเงินทอนหรือไม่ บางเรื่องก็ใช้ราชการมาตอบแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรัฐบาลชุดใด รวมถึงการข่มขู่จะฟ้องร้องฝ่ายค้านอีก

"การบริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล คือการบริหารที่ล้มเหลว หลักฐานหลายชิ้นทำรัฐบาลดิ้นไม่หลุด ถามว่าประเมินการอภิปรายครั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เราว่าเกินคลาด ทำรัฐบาลสติแตก ส่วนคะแนนที่ได้ชัดเจนว่าลดลงเรื่อยๆ แต่คะแนนความหวาดระแวงกันเองกลับเพิ่มขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนสินค้าที่หมดอายุ รอวันย่อยสลาย รวมถึงอยากรู้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะชูนโยบายอะไร ในเมื่อสิ่งที่เคยเอ่ยปาก กลับทำไม่ได้สักอย่าง" จิราพร ระบุ

จิราพร 5133297C-459B-4E87-AF26-0AFBF2C312F9.jpeg

ชี้ ศก.ไทยยังติดลบอีก 2 ปี แบกรับหนี้ที่รัฐบาลกู้เงิน

ด้านจุลพันธ์ ได้ชี้ถึงเรื่องความตกต่ำเศรษฐกิจ แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่า เป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่มองว่าเศรษฐกิจของไทยตกต่ำมาตั้งแต่การทำรัฐประหาร ต่อเนื่องมาถึงการบริหารที่ผิดพลาด และเชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยจะติดลบต่อเนื่องอีก 2 ปี เพราะขณะนี้ประชาชนต้องมาร่วมแบกรับภาระหนี้สินจากการกู้เงินของรัฐบาล จนทำให้หนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง แต่รัฐบาลไม่มีแนวทางการจัดหารายได้เข้าประเทศ ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าจะนำเงินจากไหนมาชดใช้เงินกู้ ซึ่งคิดว่าการพัฒนาประเทศจากการกระทำของรัฐบาลทำได้ยาก หนี้ภาคประชาชนก็เพิ่มมากขึ้น รายรับไม่มี มีแต่รายจ่าย

ข้องใจ 2 วันแรกไร้ประท้วง พอปูดข่าวแจกเงิน 5 ล้านลุกประท้วงรัว

จุลพันธ์ ระบุว่า ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงหนี้ภาคการเงิน การธนาคาร เพราะได้รับผลกระทบจากการหมุนเวียนของประชาชน และท้ายที่สุดอาจถึงทางตัน เพราะการตอบคำถามของรัฐบาล ที่ยังบอกว่าสถานะการเงินการคลังยังดี ยังมีการลงทุน ประชาชนยังมีเงินหมุนเวียนจากเงินประชารัฐ ซึ่งมองว่าเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะรัฐบาลไม่ยอมรับ ไม่เห็นว่าเกิดปัญหา และไม่แสวงหาแนวทางแก้ปัญหา แม้การอภิปรายเสียงของฝ่ายค้านจะไม่เพียงพอต่อการล้มรัฐบาลได้ แต่ยืนยันจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน และนำพาประเทศกลับมาให้ได้ พร้อมหวังว่าการอภิปรายจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง และนายกรัฐมนตรีต้องปรับปรุงตัว สร้างความเปลี่ยนแปลง

จุลพันธ์ ยังตั้งข้อสังเกตในการอภิปรายช่วงสองวันแรกเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีการประท้วง หลังมีการกล่าวหากลางสภาเรื่องการแจกเงินให้ ส.ส. รัฐบาล หลังจากนั้นทุกคนกลับมาในห้องประชุมและทำหน้าที่ประท้วงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลต้องตอบข้อกล่าวหา และต้องหาหลักฐานมาชี้แจงให้ชัดเจน 

จุลพันธ์ 470BF295-6495-423E-820E-A9DE70A899CB.jpeg


ชลน่าน 610BEE10-8BB4-4FEB-9AC0-18BF57FDFD66.jpeg

คาด ต.ค.นี้บังคับใช้้ รธน.สูตรบัตร 2 ใบ เตือนดัน พ.ร.ก.กู้เงินอีกเสี่ยงเจอมรสุม

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ได้คาดการณ์ว่าในช่วงเดือน ต.ค.นี้ อาจจะมีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องของระบบเลือกตั้ง 2 ใบ เมื่อเปิดสมัยประชุมรัฐสภาครั้งที่ 2 ในเดือน พ.ย. หากรัฐบาลจะเสนอ พ.ร.ก.กู้เงิน อาจเผชิญปัญหาหนักทางการเมือง ทั้งในและนอกสภาฯ 

นพ.ชลน่าน ยังประเมินท่าทีของฝ่ายการเมือง และการพิจารณาร่างกฏหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับกฏหมายแม่ แต่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ เพราะบางฝ่ายต้องการวิธีการคำนวณแบบ MMP ซึ่งถืออาจเกมการเมืองที่พยายามการพยุงรัฐบาลไว้ ซึ่งหากกฎหมายลูกแล้วเสร็จ แต่ก็อาจมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ หรือแม้ไม่เสร็จอาจจะออกเป็น พ.ร.ก.เลือกตั้ง โดยเชื่อว่าจะเป็นช่วงเวลาการประกาศยุบสภาของนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดความเป็นรัฐบาล และให้จัดเลือกตั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ 

สุทิน -4294-4FEC-9038-3507EE343D22.jpegเพื่อไทย เสวนา จิราพร สุทิน 272994EA-BEA6-4FA5-B135-BB71EBDC05E7.jpeg

'สุทิน' ชี้จับผิดซื้อวัคซีน รัฐบาลแจงไม่ขึ้น เชื่อม็อบนอกสภาคว่ำรัฐบาลได้

ด้านประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวโดยสรุป มองการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ฝ่ายค้านจับผิดรัฐบาลได้หลายประเด็น ทำเอารัฐบาลนั้นจนมุมตอบไม่ได้หลายเรื่อง อาทิเรื่องการจัดซื้อวัคซีน เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องรอฝ่ายค้านเฉลยข้อสอบ เพราะนี่เป็นการเฉลยข้อสอบอยู่แล้ว บอกว่าจะอภิปรายเรื่องใด แต่สุดท้ายรัฐบาลกลับตอบไม่ได้ให้สังคมหายข้อใจไม่ได้ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าเป็นการแถเสียมากกว่า ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนที่ได้ฟังคำชี้แจงของรัฐบาลนั้น จะรู้ชัดกระจ่างแจ้งว่ารัฐบาลนั้นมีความชอบธรรมที่จะบริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่ จริงอยู่ในสภาอาจไม่มีการยกมือโหวตคว่ำ แต่เชื่อว่าจะออกมาคว่ำข้างนอกสภาเหมือนการเมืองในอดีตที่ผ่านมา 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง