เวลา 15.10 น. วันที่ 31 ส.ค. 2563 คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร ได้รายงานต่อที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2564 ถึงประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดย สันติ พร้อมพัฒน์ ประธาน กมธ.วิสามัญฯ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ ได้ส่งเอกสารมีความประสงค์เรื่องขอเลื่อนงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำในปีนี้ เพราะเห็นควรว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายในงบประมาณอื่นๆ ก่อน เพราะไทยยังได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจการโควิด-19
"นี่ถือเป็นความเสียสละของกองทัพเรือ เพราะปีงบประมาณที่ผ่านมาก็ขอเลื่อนการจ่ายงบส่วนนี้มาแล้ว" สันติ ระบุ
ทั้งนี้ ที่ประชุม กมธ.วิสามัญฯ ได้หารือถึงขั้นตอนในการลงมติตามที่กองทัพเรือส่งมา ซึ่งมีสันติ เป็นผู้เสนอให้ลงมติปรับลดงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ เนื่องจากต้องฟังเสียงของ กมธ.ชุดใหญ่ เพราะขั้นตอนของชั้นอนุกรรมาธิการได้จบลงไปแล้ว
มติ 63 เสียงยึดตาม ทร.ขอปรับลดงบฯ ปี 64
จากนั้นที่ประชุมที่มีองค์ประชุม 66 เสียงได้ลงมติเสนอให้มีการปรับลดงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ ตามที่นายสันติเสนอให้เลื่อนออกไปก่อน 1 ปี หลังจากที่กองทัพเรือส่งเอกสารชี้แจงมาว่าสามารถเลื่อนได้ โดยเห็นด้วย 63 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี และงดออกเสียง 3 เสียง
ทร.ครวญกระทบความเสียหาย แต่ยอมต้องปรับลด
ก่อนหน้านี้ พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ ทำการแทน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้ลงนามในหนังสือเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2563 ถึงประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอปรับลดงบประมาณจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีรายการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ และตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พ.ศ.2564 มีวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำ จำนวน 2 ลำ จำนวน 3,925 ล้านบาท นั้น เนื่องจากมีสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ กองทัพเรือพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว เห็นว่าการลดงบประมาณของรายการนี้ลงถึงแม้จะเกิดผลกระทบเป็นความเสียหายต่อการดำเนินการตามแผนโครงการของกองทัพเรือ และส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามภารกิจของกองทัพเรือที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย อันจะส่งผลกระทบถึงประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ด้วยก็ตาม แต่เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภาวการณ์ของประเทศในปัจจุบัน กองทัพเรือตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และขอปรับลดงบประมาณในการจัดหาเรือดำน้้ำจำนวน 2 ลำในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ทั้งหมด คงเหลืองบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จำนวน 0 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
"กองทัพเรือขอเรียนว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาและใช้ขีดความสามารถที่มีอยู่เพื่อลดความเสียหายและความเสี่ยงที่เกิดจากการต้องเลื่อนการจัดหาเรือดำน้ำออกไป ให้มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จะปฏิบัติหน้าที่และภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา"
นายกฯ ย้ำหยุดแผนซื้อเรือดำน้ำไม่ได้ แต่ขอชะลอปีนี้ก่อน ต้องป้องกัน 200 ไมล์ทะเล
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม กล่าวถึงกรณีการให้กองทัพเรือชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2-3 ไปอีก 1 ปี ว่า ตนได้ให้แนวทางกองทัพเรือ โดยในวันนี้มีการหารือในชั้นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ซึ่งเป็นเรื่องที่ทหารเรือต้องชี้แจง โดยตนได้ให้ทางออกไปแล้ว ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร
ส่วนความเห็นของกรรมาธิการพิจารณางบจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องรับฟัง โดยหลังจากนี้กองทัพเรือ ในฐานะคู่สัญญาจะต้องพูดคุยกับทางจีน ว่าจะชะลอการจัดซื้อไปปีหน้าได้หรือไม่ ในการจ่ายเงินต่างๆเหล่านี้
เมื่อถามว่า เป็นการเดินหน้าต่อ แต่จ่ายเงินในปีหน้าใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แล้วจะหยุดไปได้อย่างไร เพราะเป็นแผนพัฒนากองทัพอยู่ และที่สำคัญมีหลักการและผลที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งตนได้ชี้แจงในฐานะ รมว. ว่าเป็นแผนพัฒนากำลังทางเรือ ซึ่งวันนี้ก็ต้องดูสถานการณ์รอบประเทศ ว่าเป็นอย่างไร ถึงแม้จะมองดูว่าไกล แต่ไม่ได้ไกลมากขนาดนั้น อีกทั้งวันนี้มีการฝึกร่วมมาโดยตลอด อีกทั้งมีการฝึกร่วมเรือดำน้ำมาหลายปี แต่เราไม่เคยมีเรือที่จะฝึกร่วมกับเขาเลย ทั้งที่เรามีพื้นที่อาณาเขตทางทะเลทั้ง 2 ฝั่ง มากมายมหาศาลพอสมควร โดยเฉพาะในเขต 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นน่านน้ำของเรา ก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ด้วย โดยจะต้องมองอนาคตไปข้างหน้า ถ้าช้าเกินไปอาจจะไม่ทันเวลา สิ่งนี้ที่เรามีก็เพื่อป้องกัน รักษาทรัพยากรทางทะเลของเรา และรักษาเรื่องประมงของเรา ทั้งนอกน่านน้ำและในน่านน้ำ ซึ่งวันนี้ต้องใช้กองกำลังทางเรือมากมายมหาศาล จะได้ไปลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้
เมื่อถามว่าได้คุยกับ ผบ.ทร.แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ได้พูดคุยเพื่อให้แนวทางไปแล้ว ให้ไปคุยกับทางจีน ว่าจะดำเนินการได้อย่างไร
เมื่อถามถึงงบประมาณปี 2564 ของ กองทัพเรือ ในการจัดซื้อเรือดำน้ำ กว่า 3,000 ล้านบาทนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องพับตกไปเลย ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายการเงินการคลังอยู่แล้ว มี พ.ร.บ. ตรงนี้อยู่ว่าทำอะไรได้บ้าง
ปัดครอบงำนิติบัญญัติ ย้ำสั่งชะลอในฐานะ รมว.กลาโหม
เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า นายกรัฐมนตรี ครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ไปสั่งชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนให้แนวทางกองทัพเรือ ในฐานะ รมว.กลาโหม ต้องเข้าใจตรงนี้ โดยตนมี 2 บทบาท คือ นายกฯ ซึ่งจำเป็นจะต้องรับฟังความคิดเห็นในทุกแง่ทุกมุม อีกส่วนในฐานะรมว.กลาโหม ก็บังคับบัญชาเหล่าทัพด้วย ดังนั้นอะไรที่เป็นแผนงานและงบของเหล่าทัพ ก็เป็นเรื่องที่เสนอมาในกรอบวงเงินที่มีอยู่ โดยไม่มีปัญหา จึงให้แนวทางไป ให้ไปเจรจาดู ทุกอย่างมีกติกา จะมาบอกว่าปีหน้า ก็มีปัญหาอีก อย่างนี้ก็ทำอะไรกันไม่ได้ ทำไมถึงไม่มองว่าฝ่ายนิติบัญญัติมาก้าวล่วงอำนาจบริหารบ้าง ขอให้ฟังสองทาง อันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เสนอมาใหม่ เดิมได้อนุมัติไปแล้วในชั้นต้น ก็ต้องไปหารือกับมิตรประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง