สำนักข่าวไทยรายงาน วานนี้ (7 ก.ค.) ที่ประชุมมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 ที่กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน บรรจุวาระการพิจารณากลุ่มป่าแก่งกระจานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรกโลก หลังจากคณะทำงาน 6 ประเทศจากรรมการรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลก 21 คือ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นอร์เวย์ คิวบา ตูนิเซีย และคูเวต ได้หารือในรายละเอียดร่วมกันว่าจะให้กลุ่มป่าแก่งกระจานของไทยขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกหนึ่งแห่งในปีนี้ (62) หรือไม่
ซึ่งที่ประชุมมีมติยังไม่รับรองขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และให้เวลา 3 ปี เสนอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อชี้แจงในข้อกังวล 3 ข้อ คือ ให้ดำเนินการเรื่องขอบเขตระหว่างไทยกับเมียนมา, ให้ทำข้อศึกษาเปรียบเทียบเกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่ หลังปรับลดลงยังอยู่ภายใต้ข้อบังคับตามระเบียบที่ 10 เรื่องความสมบูรณ์ และความหลากลายทางชีวภาพในพื้นที่ในการขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกทางธรรมชาติ และให้จัดการในข้อห่วงกังวลเรื่องชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
ซึ่งตลอด 3 วันที่ผ่านมาคณะผู้แทนไทยได้พยายามชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เนื่องจากเป็นข้อกังวลของออสเตรเลียที่เป็น 1 ใน 6 ประเทศที่เข้ามาเป็นคณะทำงานพิจารณาหาข้อสรุปกลุ่มป่าแก่งกระจาน แต่ไม่เพียงพอให้คณะกรรมการมรดกโลกลงมติเห็นชอบได้
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย กล่าวว่า ไทยต้องขอขอบคุณอินโดนีเซีย จีน และเมียนมาที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีมรดกโลกช่วยและสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่มาโดยตลอด พร้อมแสดงความคาดหวังว่าปีหน้าไทยจะประสบความสำเร็จขึ้นมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง