ไม่พบผลการค้นหา
วัคซีนบังคับกับความไม่ไว้ใจรัฐบาล ชาวรัสเซียแห่ซื้อใบรับรองวัคซีนโควิดปลอมจากตลาดมืด หวังเลี่ยงการฉีด 'สปุตนิก วี'

รัสเซียซึ่งกำลังเผชิญสถานการณ์ระบาดของโคโรนาไวรัสในอีกระลอก โดยนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา รัสเซียพบรายงานผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งขึ้นแตะหลักหมื่นถึงสองหมื่นคนต่อวัน ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยนั้นอาศัยในกรุงมอสโกซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นสี่เท่า และเช่นเดียวกับหลายประเทศ รัสเซียกังวลมากที่สุดต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่อาจระบาดลุกลาม ส่งผลให้ทางการประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอีกครั้งในพื้นที่กรุงมอสโกและแถบปริมณฑลโดยรอบ ทั้งยังออกข้อบังคับให้พนักงานในภาคบริการ ค้าปลีก สถานศึกษา ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ขณะที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์อาหารต้องถูกสั่งปิด ร้านอาหารให้จำหน่ายแบบซื้อกลับบ้านเท่านั้นเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ 

รัสเซียเป็นชาติแรกๆ ของโลกที่สามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ภายใต้ชื่อว่า "สปุตนิก วี" (Sputnik V) ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันกามาเลยา ทว่าอัตราการฉีดวัคซีนของรัสเซียนั้นกลับอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากประชาชนกลับลังเลที่จะเข้ารับวัคซีนที่ผลิตในประเทศของตัวเอง

'เซอร์เกย์' ชาย วัย 30 ปี จากเมืองครัสโนดาร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เผยกับเอเอฟพีว่า จากสถานการณ์ระบาด ส่งผลให้เขากังวลว่าทางการรัสเซียจะใช้มาตรการบังคับให้พลเมืองเข้ารับการฉีดวัคซีน ท่ามกลางนโยบายวัคซีนของรัสเซียที่เน้นพึ่งพาวัคซีนที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก สิ่งที่ชายจากเมืองครัสโนดาร์ทำคือ การซื้อใบรับรองการเข้ารับฉีดวัคซีนปลอมที่ขายกันตามตลาดมืดในออนไลน์ โดยเขาส่งรายละเอียดส่วนตัวให้บุคคลนิรนามผ่านแอปพลิเคชันเทเลแกรม พร้อมโอนเงิน 15,000 รูเบิล (6,600 บาท) สามสัปดาห์ต่อมาชื่อของเซอร์เกย์ ก็เข้าไปอยู่ในระบบลงทะเบียนวัคซีนของรัฐบาลซึ่งรับรองว่าเขาได้รับวัคซีนสปุตนิก วี ครบทั้งสองโดสแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยถูกฉีด

วัคซีน สปุตนิก sputnik 7972W.jpg

เซอร์เกย์ เป็นหนึ่งในชาวรัสเซียหลายๆ คนที่ยังไม่ไว้วางใจวัคซีนที่รัสเซียผลิตในประเทศ ผลสำรวจจากโพลอิสระชี้ว่าราว 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,614 ราย ไม่มีแผนจะเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยพวกเขาเกรงว่าตนจะเป็น "หนูทดลอง" ของรัฐบาลเครมลิน ประกอบกับข้อมูลวิจัยที่ส่งต่ อกันทางโซเชียลมีเดียทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจวัคซีนดังกล่าว

เอเอฟพีระบุว่า มีตัวแทนหลายคนที่อ้างผ่านเทเลแกรม และเว็บ Russian darknet ว่าสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ทั้งใบรับรองฉบับปลอม รวมถึงการใส่ข้อมูลไว้ในฐานของมูลวัคซีนของรัฐบาล ขณะที่ชาวรัสเซียบางส่วนยอมรับว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการหลอกขายใบรับรองวัคซีนเหล่านี้ในหลายราย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลมอสโกออกคำสั่งบังคับให้พนังกานในภาคอุตสาหกรรมบริการต้องฉีดวัคซีน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการเข้ารับวัคซีนในรัสเซียยังอยู่ในระดับต่ำมาก โดยตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่รัสเซียเริ่มต้นการแจกวัคซีนแก่ประชาชน แต่มีเพียง 11% จากประชากรทั้งหมดราว 146 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบโดส รัฐบาลจึงเปลี่ยนรูปแบบจากการชักชวนให้เข้ารับวัคซีน มาเป็นการบังคับฉีด

ผู้ที่จะเข้าใช้บริการร้านอาการในกรุงมอสโกบางแห่งต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน และคาดว่ามาตรการนี้จะมีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นของกรุงมอสโกกล่าวว่า มาตรการเหล่านี้กลับใช้ได้ผล โดยมีผู้คนกว่า 60,000 คน ลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนมากกว่าเดิม 10 เท่า โดยการบังคับฉีดวัคซีนของรัฐยังครอบคลุมไปถึงบรรดาองค์กรเอกชนด้วย การสำรวจแรงงานตำแหน่งระดับผู้จัดการบริษัทมากกว่า 1,600 คน ทั้งในกรุงมอสโกและภูมิภาครอบมอสโกโดยบริษัทที่ปรึกษา Action-MCFR พบว่ามากกว่าหนึ่งในสี่เชื่อว่าไม่ควรฉีดวัคซีน และพยายามเลี่ยงการถูกบังคับฉีดด้วยการแอบซื้อใบรับรองจากตลาดมืด

บอริส โอฟชินนิคอฟ นักวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ร่วมก่อตั้งหน่วยงานวิเคราะห์อินเทอร์เน็ต กล่าวว่า ภายในไม่กี่วันหลังจากบรรดานายจ้างธุรกิจบริการในมอสโกได้รับคำเตือนเรื่องวัคซีน มีการค้นหาคำว่า "ซื้อใบรับรองการฉีดวัคซีน" ผ่านเว็บไซต์ Google ในพื้นที่มอสโกเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ขณะที่การค้นหาสถานที่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเพียงราว 2 เท่าจากช่วงก่อนหน้า

หนึ่งในเอเจนซีย์ผู้ขายใบรับรองปลอมผ่านเว็บบอร์ด darknet เผยกับเอเอฟพีว่า ในแต่ละวันจะมีคำสั่งคนขอซื้อใบรับรองวัคซีนปลอม 20 ถึง 30 ราย ต่อวัน

สปุตนิกวี วัคซีน รัสเซ๊ย

แต่ผู้ขายรายหนึ่งในฟอรัม darknet ที่พูดถึงเงื่อนไขของการไม่เปิดเผยตัวตน เผยว่ามีคำสั่งซื้อใบรับรองปลอม 20 ถึง 30 รายการในแต่ละวัน ราคาถูกสุดของการซื้อขายใบรับรองปลอมนี้อยู่ที่ใบละ 2,000 รูเบิล (ราว 800 บาท) ที่เป็นลักษณะกระดาษหนึ่งแผ่น จนถึงสูงสุดที่ 30,000 (ราว 13,000 บาท) โดยผู้ขายอ้างว่าสามารถหาเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รับรองการฉีดได้ ทั้งยังอัปโหลดเวชระเบียนปลอมเข้าไปยังฐานข้อมูลของรัฐบาลได้ด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวนักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยข้อมูลจาก คาสเปอร์สกี แลบ (Kaspersky Lab) ชี้ว่า โฆษณาขายใบรับรองส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวง เพราะคนเหล่านั้นไม่สามารถเจาะเข้าระบบทางการได้

"มันตรวจสอบได้ยากมาก มันไม่ใช่การค้าขายแบบออนไลน์ที่คุณสามารถดูความน่าเชื่อถือของผู้ขายได้ นี่เป็นผู้ฉ้อโกงที่สามารถเอาเปรียบคุณได้"

ด้านปาวาล แบรนด์ (Pavel Brand) ผู้อำนวยการเครือคลินิกครอบครัวในมอสโก อธิบายว่า ความเคลือบแคลงสงสัยในวัคซีนสปุตนิกของรัสเซียนั้นไม่เพียงเกิดขึ้นในหมู่พลเมืองทั่วไปเท่านั้น ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่บุคลากรการแพทย์เช่นเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจของโพลอิสระ Levada พบว่า 31% ของแพทย์ชาวรัสเซียไม่ไว้วางใจสปุตนิก วี และแพทย์อีก 23% ไม่ประสงค์จะฉีดวัคซีนโควิด

ท่ามกลางมาตรการควบคุมการระบาด เจ้าหน้าที่ตำรวจมอสโกนอกจากจะเข้มงวดในการบังคับใช้กฎการคุมโควิดแล้ว ยังมีรายงานการปราบปรามตลาดมืดที่ค้าขายใบรับรองโควิดปลอมแล้วอย่างน้อย 3 ครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

กรณีของเซอร์เกย์ ไม่ต่างกับ 'อเล็กซี' ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีวัย 47 ปีที่ซื้อใบรับรองให้เพื่อนที่ทำงานในอุตสาหกรรมบริการ โดยยืนยันว่าทั้งเขาและเพื่อนไม่ใช่พวกต่อต้านการฉีดวัคซีน เพียงแต่ต้องการวัคซีนทางเลือกอื่นๆ มากกว่าที่ผลิตในประเทศ

"ผมอยากฉีดวัคซีน แค่ไม่อยากได้ของรัสเซีย แต่วัคซีนชาติตะวันตกถูกแบนในรัสเซีย ผมจึงเลือกซื้อใบรับรองแทน"

ที่ผ่านมาแบรนด์สินค้าของรัสเซีย มักถูกตั้งคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือในวงกว้างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใดก็ตาม ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน ไปจนถึงวัคซีน "ตลาดมืดเป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีน และยังมีวิธีอื่นที่ "ง่ายกว่ามาก" แบรนด์กล่าว  

"ผู้คนเพียงแค่ไปที่คลินิกและให้เงินเจ้าหน้าที่พยาบาล เพียงเท่านี้พวกเขาก็จะใส่ข้อมูลการรับวัคซีนของคุณลงในระบบได้แล้ว" เขากล่าว วิธีนี้ไม่ได้เพิ่งมาใช้เฉพาะโควิดเท่านั้น แต่ใช้มานานแล้วในบรรดาแม่ที่ลังเลไม่อยากให้ลูกเข้ารับการฉีดวัคซีนพื้นฐาน

ปัญหาค้าใบรับรองวัคซีนผ่านตลาดมืดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาอื่นที่กว้างใหญ่กว่ามาก นั้นคือจำนวนคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน ถึงขณะนี้ในรัสเซียมีประชากรเพียง 16.2 ล้านคนจาก 146 ล้านคนของรัสเซียที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ที่ผ่านมาชาวรัสเซียมักกลัวต่อผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ชนิดใหม่ ทว่าในช่วงโควิดความกลัวเหล่านี้ประกอบกับความไม่ไว้วางใจอย่างกว้างขวางต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และรายงานเชิงลบเกี่ยวกับวัคซีนที่มาจากสื่อภายนอกยิ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าฉีดวัคซีนของประเทศตัวเอง

ที่มา: TheGuardian , AFP , Reuters