ภายหลังวันที่ 13 มิถุนายน เรือขนส่งน้ำมันถูกโจมตีเสียหาย 2 ลำ ที่อ่าวโอมาน ใกล้ประเทศอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสาเหตุของการระเบิดเกิดจากอะไร แต่หนึ่งในเจ้าหน้าที่ควบคุมเรือสันนิษฐานว่าเรือถูกโจมตีโดยตอร์ปิโด ด้านสหรัฐฯ ชี้ว่าเป็นฝีมืออิหร่าน

กองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ได้เข้าช่วยเหลือเรือทั้งสอง หลังได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ "กองเรือของสหรัฐฯ ในพื้นที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเรือจากเรือสองลำ ลำแรกเวลา 6.12 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น และอีกลำเมื่อ 7.00 นาฬิกา" โจชัว เฟรย์ จากกองเรือที่ 5 สหรัฐฯ กล่าว

• ภาพเพลิงไหม้จากเหตุระเบิดเรือฟรอนต์อัลแตร์

เรือทั้งสองลำ คือ ฟรอนต์อัลแตร์ เรือบรรทุกของบริษัทฟรอนต์ไลน์สัญชาตินอร์เวย์ ติดธงสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ ซึ่งอยู่ภายใต้การเช่าของซีบีซีคอร์ป บริษัทกลั่นน้ำมันของทางการไต้หวัน และบรรทุกแนฟทา วัตถุดิบตั้งต้นปิโตรเลียมที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ไว้ 75,000 ตัน เพื่อขนส่งจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปไต้หวัน

อีกลำหนึ่งคือ โคคุกะคอเรเจียส (Kokuka Courageous) เรือบรรทุกของบริษัทโคคุกะซังเกียวสัญชาติญี่ปุ่น ติดธงชาติปานามา ดำเนินการเรือโดยบริษัทจัดการเรือบีเอสเอ็มสิงคโปร์ (BSM Ship Management) และบรรทุกเชื้อเพลิงเมทานอล

ทางบีเอสเอ็ม ระบุว่า ลูกเรือ 21 คน ทำการสละเรือหลังเกิดเหตุขึ้นสร้างความเสียหายให้กับฝั่งขวาของเรือ โคคุกะคอเรเจียสยังคงอยู่ในพื้นที่โดยไม่ได้รับอันตรายถึงกับเกิดการจม เมทานอลที่บรรทุกมายังปลอดภัย มีลูกเรือคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเหตุการณ์นี้

การระเบิดที่เกิดขึ้น เกิดก่อนชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าพบอยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เพื่อหวังลดความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ทว่าไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ที่เหตุระเบิดเกิดระหว่างการเยือนอิหร่านของอาเบะพอดี

ความเสียหายที่เกิดขึ้นส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียวกัน เนื่องจากอ่าวโอมานเชื่อมต่อกับช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวสำหรับลำเลียงน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ปริมาณกว่า 1 ใน 6 ของโลก และราว 1 ใน 3 ของแก๊สธรรมชาติเหลว

แม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทว่าสหรัฐฯ กล่าวหาว่าอิหร่านเป็นผู้โจมตี

สหรัฐฯ ปล่อยคลิป อ้างอิหร่านอยู่เบื้องหลัง

เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรมเรือบรรทุกสินค้า 4 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ ใกล้ท่าเรือฟูไจราห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุแต่ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน

สำหรับการระเบิดในอ่าวโอมานไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ อ้างว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง พร้อมนับรวมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นหนึ่งในการโจมตีโดยไร้สาเหตุหลายครั้งของอิหร่านในช่วงนี้ ปอมเปโอ ชี้ว่าสหรัฐฯ ตั้งข้อสันนิษฐานนี้โดยประเมินจากข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของอาวุธที่ใช้

ทางการอิหร่านปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสหรัฐฯ ต่างหากที่พยายามก่อสงครามเศรษฐกิจและก่อการร้ายต่อประชาชนชาวอิหร่าน ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยและความไม่มั่นคงในพ้ืนที่อ่าวเปอร์เซีย

ในวันเย็นที่ 13 มิถุนายน กองบัญชาการกลางกองทัพสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์พร้อมปล่อยคลิปวิดีโอซึ่งภาพขาวดำความละเอียดต่ำ ถ่ายจากมุมสูงเหนือพื้นน้ำ แสดงให้เห็นภาพเรือลำเล็กจอดเทียบโคคุกะคอเรเจียสที่เกิดการระเบิด และมีผู้ลุกขึ้นยืนเพื่อเพื่อดึงวัตถุบางอย่างออกจากเรือบรรทุกดังกล่าว โดยทางกองทัพสหรัฐฯ อ้างว่าเป็นเห็นภาพเหตุการณ์ขณะกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (Iran's Revolutionary Guard: IRGC) กำลังเก็บกู้ระเบิดติดเรือ (Limpet Mine) ซึ่งไม่ทำงาน จากหนึ่งในสองเรือบรรทุกที่เกิดการระเบิดในอ่าวโอมาน

• คลิปที่กองบัญชาการกลางกองทัพสหรัฐปล่อยออกมา

คริสเทน ซาลูมีย์ ผู้สื่อข่าวจากอัลจาซีรา รายงานว่าวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายในช่วง 10 ชั่วโมงหลังมีสัญญาณขอความช่วยเหลือครั้งแรก และช่วงราว 5 ชั่วโมง หลังกองเรือสหรัฐฯ กู้ชีพลูกเรือ 21 รายที่หนีจากเรือโคคุกะคอเรเจียส

นาวาเอกบิล เออร์บัน โฆษกกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า เวลา 16.10 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น เรือลาดตระเวนของ IRGC ได้เข้าเทียบเรือโคคุกะคอเรเจียส และถูกจับภาพได้ขณะปลดระเบิดติดเรือซึ่งไม่ทำงานออกจากเรือบรรทุกดังกล่าว

• ภาพตำแหน่งที่เกิดความเสียหายกับเรือโคคุกะคอเรเจียส (ซ้าย) และวัตถุที่สหรับฯ คาดว่าเป็นทุ่นระเบิด (ขวา)

อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 มิถุนายน คาทาดะ ยูทากะ ประธานบริษัทโคคุกะซังเกียว เจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติญี่ปุ่น ว่าลูกเรือหลายคนเห็นวัตถุลอยมาก่อนเกิดการระเบิด จึงอาจไม่ใช่การโจมตีด้วยทุ่นระเบิด

RIA สื่อรัฐบาลรัสเซียรายงานว่า เซอร์กี รยาบคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่าอย่าด่วนสรุปกล่าวโทษผู้ที่ตัวเองไม่ชอบ

"ช่วงหลังมากนี้เราได้เห็นความเคลื่อนไหวที่หนักขึ้นทางการเมือง จิตวิทยา การทหารเพื่อกดดันอิหร่าน เราไม่อยากเห็นการนำเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ซึ่งสั่นสะเทือนตลาดน้ำมันโลก ถูกนำไปคาดเดาเพื่อซ้ำเติมสถานการณ์ต่อต้านอิหร่าน" เซอร์กี กล่าว

ที่มา: Reuters / Al Jazeera / BBC / Telegraph / The Moscow Times