จาก 10 มาตรการเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงวานนี้ ( 22 มี.ค. 65) ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า เป็นการรับสารภาพว่า รัฐบาลเงินหมดหน้าตัก ไม่สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตรได้ถึงเดือน พ.ค. ตามที่เคยให้สัญญาไว้ และจะสิ้นสุดการตรึงราคาสิ้นเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงจะทยอยขึ้นราคาก๊าซหุงต้มตามมา จึงออกมาตรการช่วยเหลือแบบกะปริบกะปรอยแก้ขัด ส่วนใหญ่เป็นการต่ออายุมาตรการเดิม ก้อนใหญ่สุดคือลดเงินสมทบประกันสังคม แต่รัฐบาลไม่ยอมใช้คืนกองทุน ทำสถานะการเงินกองทุนกระง่อนกระแง่น เสี่ยงขาดทุนเร็วขึ้น
ศิริกัญญา อธิบายเพิ่มเติมว่า การเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลตามมาตรการข้อ 7 ต้องไม่ปล่อยลอยตัวทันที เพราะจะเท่ากับลอยแพประชาชน ราคาจะปรับขึ้นไปประมาณ 10 บาททันที จะกระทบกับประชาชนอย่างหนัก และเศรษฐกิจอาจจะหยุดชะงักได้ จึงต้องสอบถามทางรัฐบาลว่าจะมีแนวทางการปรับราคาดีเซลขึ้นอย่างไร
สำหรับก๊าซหุงต้ม ที่รัฐบาลยอมรับว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นเช่นกัน มาตรการช่วยเหลือเน้นไปที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งที่เป็นคนทั่วไป (100 บาทต่อ 3 เดือน) และผู้ค้าหาบเร่แผงลอย (100 บาท/เดือน) ก็เป็นเพียงการต่ออายุมาตรการเดิมที่เคยได้รับการอุดหนุนจากกลุ่ม ปตท. ที่สิ้นสุดลงไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ซึ่งมาตรการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว ยังไม่ครอบคลุมด้วย เพราะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน เป็นฐานรายชื่อที่ลงทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2560 หลังเกิดวิกฤตโควิดมีคนจนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย แต่ยังไม่เคยมีการอัพเดทฐานข้อมูลอีกเลย
ส่วนการลดเงินสมทบประกันสังคมที่จะช่วยให้ผู้ประกันตนเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นได้ แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่เคยชดใช้เงินคืนกองทุนประกันสังคมเลย ขณะนี้เงินกองทุนน่าจะหายไปกว่าแสนล้านบาท ทั้งจากการลดเงินสมทบ ทั้งที่ควักกระเป๋าจ่ายแทนรัฐบาล กรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยจากมาตรการล็อกดาวน์ สถานะกองทุนประกันสังคมจึงกระง่อนกระแง่น เสี่ยงจะล้ม หากรัฐบาลต้องการช่วยค่าครองชีพผ่านช่องทางนี้ ควรต้องเติมเงินสมทบให้กองทุนด้วยเพราะเป็นเงินของผู้ประกันตนในยามเกษียณไม่ใช่เงินงบประมาณจากภาษีของคนทั้งประเทศ
ศิริกัญญา ย้ำว่า การเปลี่ยนจากการตรึงราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จำเป็นต้องช่วยให้ได้น้ำได้เนื้อ บรรเทาภาระค่าครองชีพได้จริง ไม่ใช่ช่วยแบบขอไปที เพราะเศรษฐกิจของประเทศคงฟื้นตัวไม่ได้จริง หากกำลังซื้อยังถูกกดไว้ด้วยค่าครองชีพที่แพง แต่ค่าแรงไม่ขึ้น จึงหวังว่าการแถลงของกระทรวงการคลังที่กำลังจะมีขึ้น จะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมที่จะช่วยเหลือประชาชนได้จริง