พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและตัวแทนจาก 8 หน่วยงานที่บูรณาการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ
โดยสามารถยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ 2,000 กว่ารายการ รวมมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ทำลายเครือข่ายยาเสพติดที่เป็นเครือข่ายใหญ่ 4 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายของนายฟ้าใส ไชยะสิงห์ ชาวลาว, เครือข่ายนายสุภาพ แซ่ส้ง, เครือข่ายนายอิศเรศ จริตงามและพวก และเครือข่ายนายคัม ชี เชียง
พร้อมกันนี้ ได้มีการรายงานผลการปฏิบัติการล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ (8 พ.ค.) ซึ่งได้ขยายผลจากคดีจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ต่างๆ ในพื้นที่ ป.ป.ส.ภาค 3 ภาค5 และภาค 8 นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในข้อหาสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือ ตาม พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และศาลได้อนุมัติหมายจับรวม 49 คนและได้สนธิกำลังเข้าทำการจับกุม และยึดทรัพย์สินพร้อมกันทั่วประเทศมากกว่า 60 จุด ภายใต้ยุทธการ "พิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ครั้งที่ 1/63" ในเบื้องต้นประมาณการทรัพย์สินที่ตรวจยึดมีมูลค่ากว่า 106.8 ล้านบาท
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้รายงานผลการปฏิบัติงานมาจากในพื้นที่ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส.ทุกคน พร้อมขอให้ปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ตลอดไป วันนี้เริ่มดำเนินการให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น จึงหวังจะเห็นเป็นผลสำเร็จในโอกาสต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังขอบคุณกำลังพลและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ และขอให้ทุกคนปลอดภัย ทำงานอย่างภาคภูมิใจ เพื่อประชาชนทั้งประเทศขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ฝ่ายปกครองต้องร่วมมือกัน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะดำเนินการต่อไปตามมาตรฐานใหม่ ทั้งระบบการทำงาน ความรวดเร็วด้านการข่าวต่างๆ ขอให้รักษาความดีไว้ ความดีจะปกป้องทุกคนให้ปลอดภัย
ทั้งนี้ในการขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด ยังพบมีเครือข่ายใหญ่ตามแนวชายแดนด้านภาคเหนือ ซึ่งมีพฤติการณ์เปิดบัญชีเพื่อโอนเงินให้กับผู้บงการ สามารถอายัดบัญชีได้แล้ว 20,000 บัญชี มีเงินหมุนเวียนกว่า 30,000 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ระบุอีกว่า หลังจากมีการแก้กฎหมายเพิ่มรางวัลนำจับซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พ.ค.นี้ มั่นใจว่า จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การยึดทรัพย์และตัดวงจรยาเสพติดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อเพิ่มหน่วยงานภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ เพื่อดูแลกระบวนการธุรกรรมทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดที่มีจำนวนมากและซับซ้อน ทั้งนี้แม้ขณะนี้จะยึดทรัพย์ไม่ได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่าจะตัดวงจรยาเสพติดได้มากขึ้น
ภายหลังรับฟังผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ แล้ว นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายและแนวทางว่า วันนี้ทุกคนคงเข้าใจแนวทางการปราบปรามยาเสพติดตามแนวคิดใหม่ วันนี้มาติดตามดูเรื่องที่บกพร่อง ซึ่งส่วนตัวต้องการให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริงทั้งแผนงานงบประมาณและบุคลากรที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ขอชื่นชมการดำเนินการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็วอย่างที่ตนต้องการ จะเห็นได้จากการยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ภาคต่างๆ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มีการเข้าออกนอกประเทศ จึงต้องเข้มงวดและดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว วันนี้สามารถปราบปรามได้แค่ผู้ค้ารายย่อย เพราะผู้ค้ารายใหญ่ยังติดปัญหาเรื่องการประสานงานและจับกุม
ขณะที่เครือข่ายค้ายาเสพติดก็ปรับวิธีการมากมาย ดังนั้นต้องติดตามดูว่า บุคคลเหล่านี้มีทรัพย์สินยึดโยงกับใครและฟอกเงินอย่างไร หากสามารถปราบปรามได้อีกเครือข่ายก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ต้องหาวิธีการอื่นเพิ่มเติมอีกเพื่อให้ทันกับเครือข่ายค้ายาเสพติดและสามารถตัดให้ครบวงจรได้
โดยขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและมีความปลอดภัย รวมถึงการยึดทรัพย์ต้องระมัดระวังเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย ย้ำว่ารัฐบาลไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมแต่ขอเจ้าหน้าที่ระมัดระวังเรื่องเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตน หากพบ จะลงโทษอย่างหนัก ขอเจ้าหน้าที่รัฐอย่าทุจริตและเห็นแก่ได้
ส่วนเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ หากสามารถกำจัดได้เชื่อว่าจะทำให้การแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะง่ายและรวดเร็วขึ้นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี อารมณ์ดีและมีท่าทีผ่อนคลาย ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องประชุมและพบกับสื่อมวลชน ซึ่งมารอทำข่าวก็ได้ทักทายว่า "นี่ใครกันบ้าง คิดถึงนะ อ้อ คนกันเองทั้งนั้น" ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเริ่มการประชุม