‘อยุธยา’ แม้ไม่ใช่จังหวัดขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญ อีกทั้งเป็นพื้นที่ลุ่มที่เจอกับปัญหา 'น้ำท่วมซ้ำซาก' จึงทำให้กลายเป็น 'สมรภูมิเลือกตั้ง' ที่หลายๆ พรรคงัดยุทธศาสตร์หาเสียงเรื่องแก้น้ำท่วม
เรามักเห็นนักการเมืองลงพื้นที่กันแข็งขันในช่วงนี้ โดยเฉพาะพลพรรครัฐบาลที่อ้างคำว่า 'ตรวจราชการ' แต่ทุกคนรู้แฟนคลับรู้ และมองจากดาวอังคารก็รู้ว่านี่คือ 'การหาเสียงแบบอ้อมๆ'
8 มี.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ลงพื้นที่อยุธยาเพื่อตรวจราชการเช่นกัน โดยมีหมวกอีกใบที่สวมอยู่ คือ 'ประธานกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ' ครั้งนี้ลงทุนโชว์ความฟิตเดินตรวจราชการน้ำแม้จะเจ็บเท้าเพราะอาการเล็บขบ แต่ก็ยังมุ่งมั่นมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการในพื้นที่ พร้อมกับสวมบทบาท 'ลุงป้อม' ใจดี พบปะประชาชนในวัดสะตือ อ.ท่าเรือ อีกด้วย
ประวิตรควงสมาชิกพรรคพลังประชารัฐระดับกรรมการบริหารพรรค และ 2 รัฐมนตรีมาร่วมยกมือไหว้สวัสดีประชาชน ทั้งสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมช.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ 'พลังประชารัฐ' มาเยือนถิ่นกรุงเก่า เพราะเมื่อ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา 2 รัฐมนตรี สันติ พร้อมพัฒน์ -ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ก็เคยมาเยือน 'วัดสะตือพุทธไสยยาสน์' เช่นเดียวกันกับลุงป้อม พร้อมขนว่าที่ผู้สมัครมาเปิดตัวด้วย
ส่วนวันนี้ก็มี 'แม็ค-ชณทัต ปัทะมะภูวดล' ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ที่เคยมีประสบการณ์ในการลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทยในสมัยที่แล้ว มาเดินตามประกบข้างประวิตรไม่ห่าง ซึ่งก็เป็นที่น่าจับตาเพราะชณทัตเป็นประธานฟุตบอล 'อโยธยา ยูไนเต็ดอาคาดามี' อ.บางซ้าย และได้ผลิตนักเตะดาวรุ่งป้อนสโมสรใหญ่ๆ ของวงการฟุตบอลไทยจนเป็นที่รู้จักดีของชาวอยุธยา
ก่อนที่ประวิตรและคณะจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปต่อยัง อ.หนองแค จ.สระบุรี ในวันเดียวกัน เพื่อตรวจราชการน้ำ แต่ภาพที่ปรากฎออกมา 80% คือการเดินทักทายประชาชน และโชว์ผัดกะหรี่พัฟ ของขึ้นชื่อเมืองสระบุรี โดยมี 'ผึ้ง-เกณิกา อุ่นจิตร์' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 เดินเคียงข้าง
เกณิกาแอบมากระซิบหลังไมค์ว่า เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้เพียงเดือนเดียว แต่ก็ทำเต็มที่แล้วที่พาชาวบ้าน อ.หนองแค มารอรับ พล.อ.ประวิตร ได้มากขนาดนี้
ในเขต 3 สระบุรีนั้น คู่แข่งคนสำคัญของเกณิกาคือ 'เม้ง-วัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ' เลขาฯ ของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย คอการเมืองต่างก็จับตาดูกันว่า สัญญา บุญ-หลง นายก อบจ. จะช่วยผลักดันพลังประชารัฐได้มากแค่ไหน
ถึงอย่างนั้น 'พี่ป้อม' ก็แพ้ทาง 'น้องตู่' ไปถึง 5 วัน เพราะเมื่อ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็มาลงพื้นที่ จ.อยุธยา พร้อมเรียกคะแนนความสงสารแบกอาการ 'มือบวม' ขึ้นไปอ้อนชาวบ้านด้วยวรรคทองที่ว่า “แม้วันนี้ยังคงเจ็บมือ แต่ไม่เจ็บใจ…”
ครั้งนั้นแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ขนว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. (ซึ่งยังไม่ชัดเจน) ไปเปิดตัว แต่ก็ขนสมาชิกพรรคที่ล้วนเป็นคนใกล้ชิดในทำเนียบรัฐบาลไปแนะนำตัวกับชาวบ้านอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น ธนกร วังบุญคงชนะ รมว.สำนักนายกฯ, อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกสำนักนายกฯ, ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกสำนักนายกฯ, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ
ขาดไม่ได้คงจะเป็น 'แรมโบ้ อีสาน' หรือ เสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ ที่เดินตามต้อยๆ ถึงขั้น พล.อ.ประยุทธ์ แนะนำกับชาวบ้านว่า “นี่คือแรมโบ้ เขามาอยู่ฝั่งเราแล้ว มาช่วยพวกเราแล้ว…”
ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่ใช่ไฮไลท์ของอยุธยาจริงๆ เพราะต้องยอมรับว่า 'พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ' เหมือนจะเป็นม้านอกสายตาอยู่หน่อยๆ แท้จริงแล้วอยุธยาคือพื้นที่สำคัญของ 'เพื่อไทย' มาแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่สมัยไทยรักไทยเลยก็ว่าได้
ย้อนไปในการเลือกตั้ง 2562 อยุธยาแบ่งออกเป็น 4 เขต ขั้วแดง (เพื่อไทย) ขั้วน้ำเงิน (ภูมิใจไทย) ก็เสมอด้วยการชนะเลือกตั้งไปคนละ 2 เขต แต่การเลือกตั้ง 2566 นี้ 'เพื่อไทย' อาจพบศึกหนัก เพราะ 'วิทยา บูรณศิริ' อดีต รมว.สาธารณสุข และ อดีต ส.ส.อยุธยา ที่เป็นคนคุมทัพเสียชีวิตเมื่อช่วงปลายปี 2565
ประกอบกับ 'เจ๊สมทรง' หรือ สมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.อยุธยา อดีตลูกหม้อค่ายแดงตั้งแต่สมัยไทยรักไทยก็ย้ายไปเป็นแม่ทัพให้ภูมิใจไทยแล้ว แถมยังดึง 'นพ ชีวานันท์' ลูกชายของเพื่อนสนิท อดีต ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย เขต 2 ไปเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการถึง จ.บุรีรัมย์ ในงานวันเกิดของเนวิน ชิดชอบ
ในการเลือกตั้งปี 2566 นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แบ่งเขตการเลือกตั้ง จ.อยุธยา จาก 4 เขต เป็น 5 เขต และถ้ามองให้ลึกไปถึงพื้นที่จะพบว่า 'เครือข่ายเจ๊สมทรง-ภูมิใจไทย' นับว่าเป็นคู่แข่งที่ทรงพลัง ส่งตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนี้
เขต 1 - เกื้อกูล ด่านวิชัยจิตร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อดีต รมช.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงป้องกันแชมป์ ชนกับคู่แข่งหน้าใหม่จากเพื่อไทยอย่าง อัณณพ อารีย์วงศ์สกุล
เขต 2 - นพ ชีวานันท์ อดีต ส.ส. เขต 2 พรรคเพื่อไทย ลงป้องกันแชมป์ในนามภูมิใจไทย ชนกับสุรเชษฐ์ ชัยโกศล อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 พรรคเพื่อไทย ที่คราวก่อนแพ้ให้กับเกื้อกูล ด่านวิชัยจิตร จากภูมิใจไทย
เขต 3 - พิมพฤดา ตันจรารักษ์ แม้จะหน้าใหม่แต่ดีกรีเป็นถึง ส.จ. และหลานสาวเจ๊สมทรง ชนกับ องอาจ วชิรพงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 พรรคพลังประชารัฐที่คราวก่อนแพ้ให้กับ จิรทัศ ไกรเดชา ส.ส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย
เขต 4 - สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล ส.ส. เขต 3 พรรคภูมิใจไทย ดีกรีสายเลือดแท้ของเจ๊สมทรง ขยับมาชนคู่กับ อาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ส.อบจ. ในพื้นที่ตัวแทนของวิทยา บูรณศิริ พรรคเพื่อไทย
เขต 5 - ประดิษฐ์ สังขจาย ส.อบจ.ในพื้นที่ สวมเสื้อภูมิใจไทย ชนกับแชมป์เก่าจากเขต 4 อย่าง จิรทัศ ไกรเดชา ส.ส. พรรคเพื่อไทย
หากประเมินแต้มต่อตอนนี้จะพบว่า ภูมิใจไทยมีตัวเด็ดแปะป้ายภูมิใจไทยวางขายเต็มคาราเบล ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีเพียงเขต 5 ที่มีแชมป์เก่าคอยประคับประคองอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อไทยก็สู้ไม่ถอย โชว์สปิริตลงพื้นที่ช่วยประชาชนชาวอยุธยาที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 100 หลังคาเรือนจากน้ำท่วม เมื่อปลายปี 2565 พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้แน่
ส่วนอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็พกความมั่นใจไปเต็มอก ขนว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 คนไปปราศรัยเมื่อต้นปี 2566 พร้อมชูนโยบาย 'คอนแทรค ฟาร์มมิ่ง' เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนาที่ต้องประสบปัญหากับน้ำท่วมทุ่งอยู่บ่อยๆ
สิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดอยู่ที่ 'ลูกสาวคนสุดท้อง' ของเจ๊สมทรง อย่าง 'นภัสวรรณ พันธุ์เจริญวรกุล' แม้จะไม่ได้ลงการเมืองเลือกข้างตามแม่ แต่ก็มีสามีเป็น ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งร่วมเดินหาเสียงกับ 'อิ๊งค์-แพทองธาร'
ศึกเลือกตั้งในอยุธยา ดูแล้วสายเลือดสีน้ำเงินกับสีแดงจะลากกันเป็นเส้นขนาน แต่ก็ยังพอมีจุดที่เส้นขนานถูกลากเข้ามาชิดกัน แต่คงไม่คิดบรรจบกันแน่นอน เพราะหากบรรจบกันเมื่อไหร่ 'ทักษิณ-เนวิน' คงต้องนัดเคลียร์ใจกันยกใหญ่เสียก่อน
เครือข่ายนายกฯ อบจ.สมทรง หรือเจ๊สมทรงนั้นแน่นหนาในถิ่นกรุงเก่า ในวันที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ตรวจราชการ (หาเสียง) เธอก็จัด ขนมนมเนย ข้าวปลาอาหาร กาแฟร้อนๆ น้ำดื่มเย็นเฉียบมาบริการประชาชน จนมัคทายกวัดต้องประกาศออกไมค์ว่า “นายกฯ สมทรง จัดก๋วยเตี๋ยวกระเพาะปลามาให้พวกเราถึง 300 ถ้วย”