ชาวอิหร่านเดินหน้าประท้วงรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง จากเดิมเริ่มแรกหลังวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาซึ่งมีการประท้วงใหญ่ทั้งในกรุงเตหะรานและเมืองต่างๆ ราว 20 เมือง ขณะนี้การประท้วงลุกลามไปมากกว่า 40 เมืองแล้ว
การประท้วงในครั้งนี้ "ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยเป็นมา" ทั้งจำนวนผู้ประท้วงและกระแสสตรีนิยมที่แข็งแกร่งมาก
ขณะที่คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศต่างลุกฮือออกมาแสดงความไม่พอใจต่อการถูกกดทับยาวนานหลายทศวรรษ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกปฏิบัติและการริดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของสตรีอย่างรุนแรงนับตั้งแต่ปี 2522 มาจนถึงปัจจุบัน
การประท้วงล่าสุดมีขึ้นหลังการเสียชีวิตของ 'มาห์ซา อามินี' หญิงสาววัย 22 ปีที่ถูกตำรวจศีลธรรมหรือ "ตำรวจศาสนา" จับกุมเพราะละเมิดกฎไม่สวมฮิญาบในพื้นที่สาธารณะ โดยตำรวจระบุว่าเธอเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ขณะที่ประชาชนเชื่อว่าสาเหตุการตายคือการถูกทำร้ายร่างกายโดยเจ้าหน้าที่จนมีอาการโคม่าและเสียชีวิต
CNN รายงานว่า หลังการประท้วงเริ่มขึ้นมีการจับกุมผู้ประท้วงไปแล้วอย่างน้อย 1,300 คน และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน "หลายสิบราย" หลังการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีรายงานการใช้ทั้งกระสุนยางและกระสุนจริง สื่อท้องถิ่นอย่าง Islamic Republic of Iran Broadcasting รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 35 ราย
ที่ผ่านมาผู้ประท้วงแสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการ "ยุติการใช้ความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในอิหร่าน" ด้านองค์กรเสรีภาพสื่ออย่าง Committee to Protect Journalists ระบุว่าสื่อมวลชนตกเป็นเป้าทางรัฐบาลอิหร่านเช่นกัน ขณะนี้มีการจับกุมสื่อมวลชนแล้วอย่างน้อย 17 คน
รัฐบาลอิหร่านยังคงเดินหน้า 'จำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต' มีการย้ำชัดว่าจะคงมาตรการนี้ต่อไปจนกว่าจะเกิดความสงบขึ้น ด้วยความหวังที่ว่ามาตรการนี้จะควบคุมสถานการณ์ได้
สองครั้งก่อนหน้าที่รัฐบาลประกาศจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคือในปี 2552 กรณีประชาชนประท้วงเรื่องผลการเลือกตั้ง และปี 2562 เมื่อรัฐบาลประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิง 300% ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากในสังคม