นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และคณะทำงานด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมของพรรคลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นควันที่อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ และพบตัวแทนภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและระดมความคิดในการแก้ปัญหาไฟป่าและ ฝุ่นขวัญ PM2.5
โดยนายสนธิรัตน์ได้นำคณะทำงานฯเข้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เมืองและเยี่ยมชมศูนย์พื้นที่ปลอดภัยหรือเซฟโซนที่ศูนย์ประชุม เพื่อดูการบริหารจัดการพื้นที่ๆมีอากาศสะอาดให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ หลังจากนั้นได้หารือร่วมกับตัวแทนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ วิชาการ ผู้ประกอบการ และ ภาคประชาสังคม เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่และหารือแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นควัน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า จะสนับสนุนการยกระดับเรื่องปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันให้เป็นวาระแห่งชาติและเนื่องจากปีนี้ประเทศไทยก็เป็นประธานอาเซียนอาจเป็นโอกาสยกระดับขับเคลื่อนได้ในระดับภูมิภาค โดยพรรคอยากจับมือการทำงานร่วมกับตัวแทนประชาชนและผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่เพื่อหามาตราการแก้ปัญหา เข้าใจความรู้สึกของชาวเชียงใหม่ที่เพราะไม่สามารถหนีได้ หยุดหายใจก็ไม่ได้ ปัญหาต้องได้รับการแก้ คนต้องได้รับการช่วยเหลือ อยากเสนอให้ทำงานร่วมกัน วันนี้ไม่ได้มาฟังแต่มาทำงานร่วมกัน ในการขับเคลื่อนทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน รวมถึงต้องมีการขยายผลการรับรู้และเข้าใจปัญหาสู่มวลชนและ social media
"พรรคตั้งเป้าให้เกิดการเปลี่ยนทั้งประเทศ ภายใน 8 เดือนจะแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน พรรคจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม วันนี้ได้มาสถานที่จริงสถานการณ์จริงและได้รับฟังข้อมูลมากมาย จะนำข้อมูลมาบูรณาการกับแผนนโยบายของคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของพรรค และทำงานร่วมกับตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆของเชียงใหม่ต่อ โดยจะหาทางออกและจัดทำ action plan (แผนการดำเนินการ) แก้ไขปัญหาโดยเร็ว เราไม่ล้อเล่นกับลมหายใจของคนและจะทำให้ถึงที่สุด โดยนายกอบศักดิ์ได้หารือสถานการณ์และแนวทางการแก้ปัญหาจัดการไฟป่ากับเจ้าหน้าที่ศูนย์กำกับดูแลไฟป่า อำเภอสะเมิง และได้สอบถามปัญหาด้านสุขภาพกับประชาชนผู้ประสบเหตุในพื้นที่ๆ จำนวนมากที่ได้มารอรับบริการตรวจสุขภาพจากสาธารณสุขและมารับการให้การอบรมความรู้เรื่องฝุ่น PM2.5 และสาธิตวิธีการดัดแปลงพัดลมให้สามารถดักฝุ่นผ่านแผ่นกรอง" นายสนธิรัตน์ กล่าว
ด้านนายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองมีผลกระทบอย่างมากกับประชาชนในพื้นที่ โดยเห็นได้จากวันนี้มีผู้ประสบเหตุมารวมตัวเพื่อขอความช่วยเหลือด้านสุขภาพจากทางสาธารณสุขจำนวนมาก ทั้งนี้จำเป็นต้องมีมาตราการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะสั้น กลางและยาวให้ได้ โดยมลพิษในฝุ่น PM2.5 นั้นสร้างความเสียหายให้กับประเทศปีละหลายหมื่นล้าน ไม่ว่าจะเป็นในระยะสั้นที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่เดินไม่ได้ สร้างปัญหาด้านสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชนในระยะกลาง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในระยะยาว
ทั้งนี้ในการแก้ปัญหาในระยะยาวจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการลดความรุนแรงของไฟป่า การลดการเผาฟางจากไร่อ้อย ไร่ข้าวโพดเป็นต้น โดยในการในปัจจุบันมีตัวอย่างในการนำฟางข้าวโพดให้เกิดประโยชน์และรายได้สูงสุดซึ่งจะทำให้เกิดการนำฟางข้าวโพดไปใช้ประโยชน์แทนการเผาแล้ว เช่น ฟางข้าวโพดสามารถนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ใบอ้อยสามารถนำไปทำใช้ผลิตไฟฟ้า ใบอ้อยสามารถนำไปเป็นอาหารให้วัววากิว เป็นต้น ซึ่งในอนาคตควรมีการทำวิจัยต่อยอดและมีมาตราการส่งเสริมให้เกิดการนำวัตถุดิบจากฟางข้าวโพดไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป พร้อมกันนี้ได้หารือระดมความคิดแนวนโยบายกับนักวิชาการและผู้ประกอบการในหลายภาคส่วนเพิ่มเติมเพื่อนำไปเตรียมผลักดันนโยบายการแก้ปัญหาในระยะสั้น กลาง และ ยาวต่อไป