ไม่พบผลการค้นหา
ครม. อนุมัติงบกลาง 1,480 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ใช้ในโครงการลดราคาสินค้า ระยะเวลา 90 วัน ขณะ นายกฯ ขอธุรกิจรายใหญ่-รายย่อยตรึงราคาสินค้า

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติ เงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น 1,480 ล้านบาท เพื่อดำเนิน "โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน ปี 2565" ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 เพิ่มช่องทางในการเลือกซื้อสินค้าที่ จำเป็นต่อการดำรงชีพในราคาประหยัดให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งเพื่อให้เกิดการ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการบริโภค ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

สำหรับรูปแบบของโครงการฯ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพให้แก่ประชาชนในราคาประหยัด ระยะเวลาดำเนินการ 90 วัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • กิจกรรมบริหารจัดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางจำหน่าย โดยจัดหา สถานที่จำหน่ายและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อจำหน่ายสินค้าที่ จำเป็นต่อการครองชีพ ผ่านช่องทาง อาทิ การจำหน่ายผ่านบริเวณร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น หรือตลาด พื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์และสถานีบริการน้ำมัน รวมจำนวนไม่น้อยกว่า 3,000 จุด ตามแหล่งชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาค 76 จังหวัด และ การจำหน่ายผ่านรถ Mobile จำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ตามแหล่ง ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • กิจกรรมการส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เพื่อ จัดหาและจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพตามชนิด ปริมาณและราคาตามที่กรมฯ กำหนด เช่น สินค้าเกษตร เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น จากสมาคม/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่ง/Supplier ในพื้นที่ เพื่อจำหน่ายในจุดจำหน่าย
  • กิจกรรมการประชาสัมพันธ์เพื่อดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้รับทราบในวงกว้างผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งจัดกิจกรรมรณรงค์กระตุ้นการบริโภค


นายกฯ สั่งห้ามกักตุน-ขึ้นราคาสินค้า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีราคาสินค้าเกือบทุกชนิดทยอยปรับตัวขึ้น ทั้งหมู ไก่ ไข่ ปลา และอาหารปรุงสำเร็จ นายกฯ จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดหรือไม่ ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลและทุกหน่วยงานเข้าไปติดตาม กำกับดูแล และแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน โดยเฉพาะการกักตุน การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผลสมควร ซึ่งขณะนี้ขอให้มีการตรึงราคาทั้งรายใหญ่และรายย่อย