ฮุนเซนประกาศว่าพระราชกฤษฎีกาในพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี รับรองให้ ฮุนมาเนต วัย 45 ปี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในวันจันทร์นี้ (7 ส.ค.) ส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดการปกครองของฮุนเซนเหนือกัมพูชาด้วยตัวเขาเอง ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ ซึ่งเป็นช่วงที่กัมพูชาพยายามฟื้นตัวจากสงคราม และความยากจนที่กินเวลายาวนานหลายทศวรรษ
ทั้งนี้ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ฮุนมาเนต ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติกัมพูชา ที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่จากการเลือกตั้งล่าสุด ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ฮุนเซนระบุว่าเขาได้ลงจากอำนาจเพื่อให้ “โอกาสแก่ผู้สืบทอดที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำ”
ฮุนมาเนต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำกองทัพของกัมพูชา กล่าวว่าเขาทราบซึ้งในพระมาหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี สำหรับความไว้วางพระทัย และยังกล่าวอีกว่า นับเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของเขาที่ได้รับใช้ประเทศชาติและประชาชน ก่อนกล่าวเสริมว่าเขามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของเขาให้สำเร็จ และสัญญาว่าจะยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชา และศักดิ์ศรีของประเทศต่อไป
พระราชกฤษฎีกาในในพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี มีขึ้นหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชา ประกาศผลการเลือกตั้งของเดือนที่แล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 ส.ค.) โดยพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้ที่นั่งในรัฐสภาไปประมาณ 120 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่ง แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกท้าทายจากฝ่ายค้านของกัมพูชา
ฮุนมาเนต ชนะเลือกตั้งและได้รับที่นั่งในรัฐสภาเป็นครั้งแรกจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนก่อน และฮุนมาเนตยังได้รับการส่งมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากพ่อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในกัมพูชา ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภากัมพูชาที่มีอายุน้อยหลายคน ได้รับการคาดว่าจะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ รวมถึงลูกชายคนสุดท้องของฮุนเซน และคนอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรคประชาชนกัมพูชารุ่นอาวุโส
สมาชิกรัฐสภากัมพูชาที่มีอายุน้อยหลายคน ที่ได้รับการเลือกตั้งมาในครั้งล่าสุด ได้รับการศึกษาจากตะวันตก อาทิ ฮุนมาเนตเองที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันศึกษาทหารแห่งสหรัฐอเมริกาที่เวสต์พอยต์ ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอลในสหราชอาณาจักร ซึ่งล้วนแต่เป็นปริญญาจากสาขาเศรษฐศาสตร์
ฮุนเซนซึ่งเพิ่งมีอายุครบ 71 ปีเมื่อวันเสาร์ ระบุว่า เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่ออายุ 32 ปี ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในโลกในขณะนั้น โดยเขากล่าวเสริมว่าการก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขานั้น “ยังไม่สิ้นสุด” และเขาจะดำรงตำแหน่งอื่นไปอีกอย่างน้อยจนถึงปี 2576 ซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้นำประเทศถึงครึ่งศตวรรษ ยังมีการคาดหมายอีกว่า ฮุนเซนยังยังคงมีอำนาจในวงกว้างในฐานะประธานพรรคประชาชนกัมพูชา และในฐานะประธานวุฒิสภา
“ผมจะยังคงมีความสามารถรับใช้ผลประโยชน์ของประชาชน และช่วยรัฐบาลดูแลความมั่นคงของประเทศและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตลอดจนทำงานร่วมกับพวกเขาในการชี้นำการพัฒนาประเทศ” ฮุนเซน กล่าวเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่เขาประกาศแผนการสืบทอดอำนาจต่อให้ลูกชาย ทั้งนี้ ตลอดการปกครองของฮุนเซน เขาได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกัมพูชาแบบตลาดเสรี ที่ยกระดับมาตรฐานการครองชีพ ตลอดจนเข้าถือครองที่ดินโดยพันธมิตรในประเทศของนายกรัฐมนตรี และนักลงทุนต่างชาติอย่างแพร่หลาย ส่งผลให้เกิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนของประเทศที่ขยายกว้างขึ้น
หลังจากการลงแข่งขันในการเลือกตั้งจากฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งของกัมพูชาในปี 2556 ซึ่งพรรคประชาชนกัมพูชาแทบจะเอาชนะไม่ได้ ฮุนเซนได้พุ่งเป้าการทำลายล้างทางการเมือง ไปที่ผู้นำของฝ่ายค้านจนต้องทำให้พวกเขาลี้ภัย และพรรคฝ่ายหลักโดยการใช้ศาลกัมพูชาประกาศยุบพรรค ฮุนเซนยังตามบดขยี้ฝ่ายค้านอย่างรุนแรงในการเลือกตั้งปีนี้ เมื่อพรรคฝ่ายค้านหลังถูกตัดคุณสมบัติการรับเลือกตั้ง ด้วยข้ออ้างเหตุผลด้านการขาดเอกสารในการยื่นสมัครต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง
สหภาพยุโรประบุว่าการเลือกตั้งของกัมพูชา “ดำเนินการในพื้นที่ทางการเมืองและพลเมืองที่จำกัด ซึ่งฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม และสื่อไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากอุปสรรค” ในขณะที่สหรัฐฯ ได้ดำเนินการการออกข้อจำกัดด้านวีซ่ากับบุคคล ที่พิจารณาว่าเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการเลือกตั้งของกัมพูชาที่ไม่โปร่งใส และสหรัฐฯ ได้หยุดโครงการความช่วยเหลือจากต่างประเทศต่อกัมพูชาลงเป็นการชั่วคราว
ที่มา: