ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงหลังประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ระดับผู้บัญชาการชั้นนายพล ว่า ได้มอบนโยบายการทำงานปีงบประมาณ 2564 โดยให้ทุกคนตระหนักอุดมการณ์ของทหารที่ยึดมั่นมาตลอดคือ 'เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน' ให้กองทัพเป็นสถาบันหลักด้านความมั่นคง และสานต่อนโยบาย อดีต พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ที่จะพัฒนากองทัพบกทั้งในมิติความมั่นคงและการปฏิบัติงานที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบหนึ่งด้วย ตลอดจนงานด้านชายแดนเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติที่อาจทะลักเข้ามา รวมทั้งปัญหายาเสพติดและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนงานด้านกำลังพล ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาต้องเข้าถึงผู้ใต้บังคับบัญชา โดยลงไปรับฟังปัญหาตลอดจนดูแลสิทธิและสวัสดิการให้ทั่วถึง
สำหรับการปฏิรูปกองทัพบกด้านต่างๆ นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิรูปคือการแก้ไขในสิ่งที่ยังไม่ถูกต้อง โดยปรับปรุงพัฒนาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะต้องดำเนินการต่อไปและต้องใช้เวลา
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ย้ำว่า สิ่งสำคัญสูงสุดในสภาวะปัจจุบัน คือการช่วยเหลือประชาชน ที่เผชิญกับปัญหาต่างๆ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยลงไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยไม่ต้องสั่งการ ส่วนกองทัพบกส่วนกลางก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง
ในช่วงตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง
พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำหลายครั้งว่า "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" และกองทัพต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งตนเป็นข้าราชการประจำไม่ใช่ข้าราชการการเมือง แต่การเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งนั้น รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ซึ่งตนจะไม่รับเงินเดือน 2 ทางอยู่แล้ว ส่วนที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ ผบ.เหล่าทัพลาออกจาก ส.ว.นั้นต้องไปดูข้อกฎหมาย
ส่วนการรัฐประหารนั้น "โอกาสมีเป็นศูนย์" เพียงแต่อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างเงื่อนไขหรือปัญหาขัดแย้งที่รุนแรง โดย ผบ.ทบ.ไม่ได้ให้สัญญาว่าจะไม่ทำรัฐประหารหรือจะพิจารณาตามสถานการณ์ โดยเห็นว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว ทุกฝ่ายล้วนปฏิเสธความรุนแรง แต่อยากให้ทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ ช่วยกันขจัดเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ให้หมดไปจากประเทศไทยให้มันติดลบ ศูนย์ก็ไม่พอ ต้องให้มันติดลบเลย แต่การจะติดลบได้ทุกคนต้องช่วยกัน
พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ไทยประเทศที่ดีที่สุด เป็นประชาธิปไตย มีเสรีและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ขณะเดียวกันการใช้เสรีภาพ ต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้อื่นและต้องมีความรับผิดชอบด้วย
ส่วนข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของผู้ชุมนุม ผบ.ทบ.กล่าวโดยย้ำว่า การปฏิรูปคือการแก้ไขและปรับปรุง เพราะฉะนั้นทุกคนควรกลับไปมองตัวเอง อยากให้แต่ละคนตรวจสอบดูตัวเองก่อนว่าสมบูรณ์พร้อมหรือยัง ก่อนที่จะไปบอกให้คนอื่นให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้
กรณีทหารคุกคามนักเรียนในโรงเรียนนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่ากรณีนักเรียนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ปรากฏเป็นข่าวว่าถูกทหารคุกคามนั้นตนได้รับรายงานมาบางส่วนแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าสังคมต้องอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความแตกต่างทางความคิดและก็ต้องเรียนรู้ แต่ยืนยันว่า กองทัพบกไม่มีนโยบายนี้ ใครมีหลักฐานก็ส่งเข้ามา ซึ่งพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปกองทัพบก ส่วนการชุมนุมทางการเมือง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตามกฎหมายอยู่แล้ว
ผบ.ทบ.ทิ้งท้ายด้วยการฝากให้ สื่อมวลชนปล่อยวางในการคิดหาคำถามเรื่องการเมืองกับตนด้วย และฝากนักข่าวสายทหาร นอกจากนั่งคิดนอนคิดคำถามเกี่ยวกับการเมืองและการชุมนุมต่างๆ แล้ว อยากให้ติดตามเรื่องการปฏิบัติการทางทหารบ้าง ที่ทหารทุ่มเทอุทิศตนลงไปเผชิญภัยคุกคามต่างๆ หรืออยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์และออกข่าวที่ทหารช่วยเหลือประชาชนด้วยนั่นเอง