เวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2564 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่ประธานการประชุมได้พิจารณาลงมติญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับคณะจำนวน 185 คนเสนอ โดยปัจจุบัน ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 482 คน ดังนั้น มติไม่ไว้วางใจจะต้องมีมากกว่ากึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่คือ 242 เสียง โดยผลการลงมติมีลำดับดังนี้
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
ไว้วางใจ 264 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 208 เสียง
งดออกเสียง 3 เสียง
ผู้ลงมติ 475 คน
2.อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข
ไว้วางใจ 269 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 196 เสียง
งดออกเสียง 11 เสียง
ผู้ลงมติ 476 คน
3.สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน
ไว้วางใจ 263 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 201 เสียง
งดออกเสียง10 เสียง
ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ผู้ลงมติ 475 คน
4.ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
ไว้วางใจ 269 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 195 เสียง
งดออกเสียง 10 เสียง
ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ผู้ลงมติ 475 คน
5. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์
ไว้วางใจ 270 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 199 เสียง
งดออกเสียง 8 เสียง
ไม่ลงคะแนน 1 เสียง
ผู้ลงมติ 478 คน
6.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ไว้วางใจ 267 เสียง
ไม่ไว้วางใจ 202 เสียง
งดออกเสียง 9 เสียง
ผู้ลงมติ 478 คน คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคร่วมรัฐบาล 270 เสียง ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน 212 เสียง โดยมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 6 คนได้คะแนนเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง 242 เสียง ทำให้ รัฐมนตรีทั้งหมดรอดพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าได้คะแนนเสียงจากที่ประชุมสภาฯ ไว้วางใจน้อยที่สุดมาเป็นลำดับที่ 2 คือ 264 เสียงขณะที่ สุชาติได้คะแนนเสียงไว้วางใจน้อยที่สุดเป็นลำดับที่ 1 จำนวน 263 เสียง
ขณะเดียวกันจากการลงมติไม่ไว้วางใจของสภาฯ ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยรับคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด โดยการลงมติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ (4 ก.ย. 2564) เป็นครั้งที่ 3 ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้คะแนนเสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด 208 เสียงจากบรรดา 6 รัฐมนตรี แต่คะแนนไม่ไว้วางใจไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พ้จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ผลซักฟอก 2 ครั้งก่อน 'ประยุทธ์' ไม่เคยได้เสียงโหวตไม่ไว้วางใจมากสุด
โดยผลการลงมติ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยได้รับคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด และก็ไม่เคยได้คะแนนเสียงไว้วางใจน้อยที่สุด
ซึ่งจากการตรวจสอบในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 ราย เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ไว้วางใจ 49 เสียง ไว้วางใจ 272 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ในครั้งนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับคะแนนไว้วางใจมากที่สุด โดยไม่ไว้วางใจ 50 เสียง ไว้วางใจ 277 เสียงและงดออกเสียง 2 เสียง ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ได้รับคะแนนเสียง ไม่ไว้วางใจมากที่สุด 55 เสียง และได้คะแนนไว้วางใจน้อยที่สุุด 269เสียง และงดออกเสียง 7 เสียง โดยได้เสียงไม่ไว้วางใจมากที่สุด เท่ากับ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี จำนวน 55 เสียง
ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 โดยผลการลงมติในครั้งนั้น มีรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอก จำนวน 10 คน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคะแนนไว้วางใจ 272 เสียง ไม่ไว้วางใจ 206 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
ทั้งนี้ ผลการลงมติเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 ครั้งนั้น อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจมากที่สุด 275 เสียง ขณะที่ ณัฏฐพุล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิกการขณะนั้นได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจน้อยที่สุด 258 เสียง
’ประยุทธ์’เมินเสียงโหวตไว้วางใจรองบ๊วย ชูกำปั้นหัวใจใหญ่
ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสภาฯลงมติไว้วางใจรัฐมนตรี 6 ราย โดยเมื่อถามถึงผลคะแนนที่ได้รับไว้วางใจ 264 เสียงว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พอใจกับผลคะแนน จากนี้ก็จะทำงานต่อไป
ส่วนที่ผลคะแนนที่ออกมารองบ๊วย พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า "บ๊วยเหรอ" จากนั้นนักข่าวระบุว่า รองบ๊วย แต่นายกฯไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
เมื่อถามว่าจากนี้จะปรับตัวเข้าหา ส.ส.มากขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไร ตนก็จะพบปะพวกเขา โดยต้องเริ่มจากเป็นครั้งคราว ทั้งนี้ในเรื่องผลประโยชน์อะไรตนไม่เคยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ใครอยู่แล้ว ส่วนจะมีการจัดกิจกรรมพบปะ ส.ส.ประจำเดือนหรือประจำสัปดาห์หรือไม่นั้น ก็ต้องดูก่อนว่าจะพบปะกันได้หรือไม่อย่างไร เพราะตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค
อย่างไรก็ตาม ที่ได้คะแนนน้อยจะต้องมีการพูดคุยกันหลังจากนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้สนใจจะมากจะน้อย แล้วมันผ่านไหมเล่า ถ้าผ่านก็จบแล้ว" เมื่อถามต่อว่าได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังการลงมติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "คุยกันทุกวันทุกคืนอยู่แล้ว เมื่อกี้ก็นั่งคุยที่โต๊ะ คุยกันเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว. เกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้คะแนนมากที่สุดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เจอกันและได้แสดงความยินดีไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของภายในพรรค ทั้งนี้ตนพบปะได้ทุกคน ถ้าใครอยากมาพบ กล้าหรือไม่ ซึ่งก็จะต้องหาเวลามาพูดคุยกันในเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามย้ำว่า สบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า จ๊ะๆ เมื่อถามว่าไม่ได้น้อยใจใช่หรือไม่ที่มีคะแนนรองบ๊วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนใจน้อย กติกาเขาว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
เมื่อถามว่า นายกฯได้คะแนนไม่หวังว่าได้คะแนนไม่ไว้วางใจเป็นอันดับหนึ่งน้อยใจหรือไม่ นายกฯหันกลับมาชูกำปั้นมือขวา พร้อมตอบมาว่า นายกฯใจเท่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลับบ้านไปจะทำอะไรวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่กับครอบครัว เมื่อถามว่า นายกฯไม่เสียกำลังใจใช่ไหมได้คะแนนโหวตเท่านี้ นายกฯ ไม่ตอบคำถามพร้อมกับก้าวขึ้นรถจากนั้น นายกฯได้รถกระจกรถลง พร้อมชูกำปั้นมือขวาออกมา พร้อมระบุว่า “หัวใจผมเท่ากำปั้น ซึ่งกำปั้นนายกฯมันใหญ่ ฉะนั้นหัวใจนายกฯใหญ่มันอยู่แล้ว”พร้อมกับทุบไปที่อกข้างซ้าย 2 ครั้ง และกล่าวว่า “กำปั้นนายกฯ มันใหญ่อยู่แล้ว ฉะนั้นหัวใจนายกฯมันใหญ่อยู่แล้ว กำลังใจก็ดี” เมื่อถามว่า ยังเข้มแข็งใช่หรือไม่นายกฯ ไม่ตอบเพียงแค่ชูกำปั้นแสดงความเข้มแข็งให้กับผู้สื่อข่าว ก่อนเดินทางออกจากรัฐสภา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง