เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2563 ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า จัดรายการสด “ก้าวหน้าทอล์ค” ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ “ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ คืนงบ คืนอำนาจให้ท้องถิ่น” โดยระบุถึงมิติการต่อสู้ในทางความคิดว่าด้วยการกำเนิดขึ้นของรัฐไทย ที่ทุกคนผ่านการอบรมจากหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ ว่ากำเนิดของประเทศไทยเริ่มต้นประวัติศาสตร์มาจากสมัยกรุงสุโขทัยมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ แต่จริงๆแล้ว ประวัติศาสตร์การเกิดขึ้นของรัฐไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้น ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนรู้กันมาตามหลักสูตร เป็นประวัติศาสตร์สกุลกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่รวมศูนย์เนื้อหาเอาไว้ที่วีรกรรมของพระมหากษัตริย์ มองกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของอำนาจ มองประเทศสยามมีศูนย์กลางที่กรุงเทพฯฯ แต่หากพิจารณาข้อเท็จจริงไม่ใช่เช่นนั้น
"เวลาเราพูดว่าอำนาจมันรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง ต้องเอากลับไปไว้ที่ท้องถิ่น แต่หากเราศึกษาประวัติศาสตร์จริงๆแล้ว อำนาจมันอยู่ที่จังหวัดต่างๆ ที่เมืองต่างๆอยู่แล้ว แต่ในบางช่วงบางตอน บางยุคบางสมัย เราก็ไปรวมดึงเข้ามาอยู่ส่วนกลางแล้วส่งคนไปปกครองในจังหวัดต่างๆ แล้วพอวันนี้มาถึงยุคที่เราต้องการใช้เทคนิคการบริหารราชการแผ่นดินแบบกระจายอำนาจเอากลับไปไว้ที่ท้องถิ่น จริงๆแล้วมันจึงไม่ใช่เอาอำนาจจากตรงกลางไปกระจายให้ท้องถิ่น เอาเข้าจริงมันคือการทวงคืนอำนาจให้กลับไปที่จังหวัดต่างๆนั่นเอง ให้เขาได้มีอำนาจในการบริหารจัดการ” ปิยบุตรกล่าว
ชี้กฎหมายเป็นอุปสรรคกระจายอำนาจ
ปิยบุตรยังย้ำว่า การรวมอำนาจเอาไว้ที่ส่วนกลางไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็นเรื่องของยุคสมัย เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินในยุคหนึ่งๆ แต่ละที่เคยมีเจ้าเมือง มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง การเกิดขึ้นของรัฐชาติสยามเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง แล้วเกิดขึ้นด้วยอำนาจ กำลังบังคับให้มาเป็นส่วนหนึ่งของเรา รวมอำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง วันนี้มาถึงยุคศตวรรษที่ 21 การบริหารราชการแบบนี้ไม่ตอบสนองพื้นที่ และถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาอำนาจกลับไปไว้ที่ท้องถิ่น
ปิยบุตรกล่าวต่อไปถึงมิติกลไกทางกฎหมายของประเทศไทย ว่าระบบราชการต่างๆที่เป็นไปในทิศทางการรวมศูนย์มากกว่าการกระจายอำนาจนี้ มีสาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งมาจากระบบกลไกกฎหมายที่เป็นอยู่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจ ทำให้เกิดรัฐรวมศูนย์ที่ส่วนกลาง อีกทั้ง ปัญหาของระบบราชการไทยคือการให้สถานะนิติบุคคลแก่กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ที่ทำให้การเปลี่ยน โอนย้ายภารกิจ บุคลากร งบประมาณ จะต้องทำเป็นกฎหมายขึ้นมา การเอาภารกิจต่างๆไปไว้ให้กับท้องถิ่นตามหลักการกระจายอำนาจจึงยากตามไปด้วย
ในขณะที่ต่างประเทศ รัฐบาลที่ขึ้นมาสามารถจัดสรรกระทรวง ทบวง กรมใหม่ได้ แต่งตั้ง โยกย้ายภารกิจได้หมด แต่ของประเทศไทยต้องทำเป็นพระราชบัญญัติ ประเทศไทยกลายเป็น “กรมมาธิปไตย” หลายกรณีกรมใหญ่กว่ารัฐมนตรีเสียอีก นี่คือสภาพปัญหาของประเทศไทย ทำให้ไม่ว่าจะปฏิรูประบบราชการ กระจายอำนาจ ทุกอย่างติดขัดไปหมด
"การกระจายอำนาจที่ผ่านมาของประเทศไทย มีการโอนภารกิจไปที่ท้องถิ่นก็จริง แต่ก็มีระเบียบภายในของกระทรวงมหาดไทยหลายฉบับ ที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ในการเข้าไปแทรกแซงภารกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ เราจึงมีนโบายสมัยพรรคอนาคตใหม่ว่าเราจะรื้อระเบียบที่ขัดขวางการกระจายอำนาจและขัดรัฐธรรมนูญเหล่านี้ทิ้งให้หมด"
"นี่ไม่ใช่การแบ่งแยกดินแดน เหมือนที่มายาคติจำนวนหนึ่งพยายามโจมตีแน่นอน ประเทศไทยไม่เท่ากับกรุงเทพฯ ประเทศไทยไม่เท่ากับส่วนกลาง วันนี้กระจายอำนาจกลับไป ไม่ใช่การให้เป็นประเทศ แต่ให้มีอำนาจในการบริหารจัดการพื้นที่มากขึ้น และยังคงเป็นรัฐเดี่ยวอยู่เหมือนเดิม" ปิยบุตร ระบุ
ปลุกสลายการเมืองท้องถิ่นแบบบ้านใหญ่
ปิยบุตรกล่าวต่อไปอีก ว่ามิติการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่ แบบสร้างสรรค์มีน้อยเกินไป ส่วนใหญ่การเมืองท้องถิ่นวันนี้มักถูกครอบงำโดยตระกูลการเมืองต่างๆ ที่ยึดจังหวัดแข่งสลับกันไปมา เป็นการเมืองของบ้านใหญ่ ใช้โอกาสในการบริหารงบประมาณแก่ประโยชน์พวกพ้อง เวลาเรารณรงค์ว่าต้องกระจายอำนาจกลับไปที่ทองถิ่น คนจะบอกทันทีว่าจะทำให้เกิดมาเฟีย การทุจริตที่มากขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องทำให้การเมืองท้องถิ่นดีขึ้นกว่าเดิมด้วย เราจึงตัดสินใจลงมาทำการเมืองท้องถิ่น เปลี่ยนจากการแข่งขันว่าใครอยู่บ้านหลังไหน เป็นแข่งขันกันที่นโยบาย ถ้าเราเปลี่ยนจากการแข่งขันโดยใช้เงิน ใช้อิทธิพล ให้เป็นการเมืองของคนทั่วไปที่อยากกลับมาช่วยพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง ได้รับการสนับสนุน ได้เอาความคิดไปขาย การเมืองท้องถิ่นแบบบ้านใหญ่ก็จะค่อยๆหายไป กลายเป็นการเมืองท้องถิ่นของทุกคน ของคนที่หวังดีต่อบ้านเกิดตัวเอง
ปิยบุตรย้ำว่าคณะก้าวหน้าจึงตั้งใจว่าจะต้องลงการเมืองท้องถิ่นในทุกระดับให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันในระดับชาติ แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบไปแล้ว แต่ตนเชื่อเหลือเกินว่าพรรคก้าวไกลจะจริงจังในการผลักดันเรื่องนี้ต่อ พยายามเข้าไปมีอำนาจรัฐ เพื่อเอาอำนาจผ่องคืนกลับมาที่ท้องถิ่น ขณะที่ท้องถิ่นต้องมีตัวอย่างแบบใหม่ให้เห็นด้วย และนี่คือสิ่งที่คณะก้าวหน้ากำลังทำในวันนี้
“เราไม่ได้เลือกตั้งท้องถิ่นมาแล้วหลายปี ครั้งนี้ได้เลือกแล้ว อยากเชิญชวนพี่น้องมาใช้สิทธิใช้เสียงกันให้มาก คณะก้าวหน้าตั้งใจอยากส่งคนใหม่ลงเพื่อให้เกิดการเมืองแบบใหม่ เราทำงานกันอย่างหนัก แกะงบประมาณ ออกแบบนโยบาย พัฒนาจังหวัดต่างๆ พิสูจน์ให้เห็นว่าการกระจายอำนาจะทำให้เกิดผลดีอย่างแท้จริง” ปิยบุตรระบุ