1 กรกฎาคม 2564 'สี จิ้นผิง' ประธานาธิบดีจีน และในฐานเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวาระครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2464 อย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่เข้าร่วมงานนับหมื่นคน ขณะที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวสุนทรพจน์กินเวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง รำลึกถึงประวัติศาสตร์ การก่อตั้ง หนทาง และอนาคตของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศเพื่อแสดงความพร้อมของจีนที่จะยืนหยัดต่อต้านแรงกดดันจากต่างชาติ เรียกเสียงฮือฮาจากทั้งประชาชนชาวจีนที่รับชม
ผู้นำจีนได้กล่าวถึงหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์ในการปรับใช้อุดมการณ์มาร์กซิสม์ให้เข้ากับบริบทของสังคมจีนรวมถึงการใช้แนวคิดมาร์กซิสม์ในการพัฒนาประเทศว่า “เราจะใช้อุดมการณ์มาร์กซิสม์ในการมอง เข้าใจ นำทาง ในแบบแนวทางของเรา และพัฒนามาร์กซิสม์พร้อมกับพัฒนาจีนในศตวรรษที่ 21 ต่อไป”
ด้านความมั่นคงของพรรค นายสี ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะมีเชื้อไวรัสคอยกัดกร่อนพรรคคอมมิวนิสต์ ดังนั้นหลักการที่พรรคต้องยึดถือเพื่อรักษาความมั่นคงของพรรคคือ “พรรคคอมมิวนิสต์ต้องรักษาสัญญาที่จะทำตามแนวปฏิบัติของพรรคคือการยืนยันในความซื่อสัตย์ และการต่อต้านการทุจริต”
ด้านการพัฒนาประเทศผ่านแนวคิดสังคมนิยมแบบจีน สี ได้กล่าวถึงความพยายามของพรรคที่จะพัฒนาและสรรสร้างความเป็นมนุษย์และความเป็นสมัยใหม่ว่า “เราได้พัฒนาและสนับสนุนสังคมนิยมแบบจีน และประสานความก้าวหน้าของการเมือง วัฒนธรรม-จริยธรรม สังคม และระบบนิเวศ เราเป็นผู้บุกเบิกทางที่จะนำจีนไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ และสร้างความเป็นมนุษย์แบบใหม่”
"เมื่อ 100 ปีที่แล้ว จีนตกต่ำและย่ำแย่ในสายตาของชาวโลก แต่วันนี้ ภาพลักษณ์ของจีนกำลังเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งโลกว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถกระโดดไปสู่ความก้าวหน้า และฟื้นคืนสู่สภาพที่ดีอย่างไม่มีอะไรหยุดยั้งได้"
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ของพรรคจากทั้งสมาชิกและประชาชนว่า“สมาชิกพรรคที่มากกว่า 95 ล้านคน และประชาชนมากกว่า 1.4 พันล้านคน จะไม่สามารถทำให้ความแตกแยกผ่านเข้ามาได้” เขายังระบุเพิ่มเติมว่าทุกความพยายามที่จะแบ่งแยกพรรคคอมมิวนิสต์ออกจากประชาชนจีนจะต้องล้มเหลว
สี จิ้นผิง กล่าวถึงผลงานความสำเร็จของพรรคที่ได้กระทำตลอดช่วงระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมาซึ่งประกอบไปด้วยความสำเร็จของพรรคทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
ด้านการปฏิวัติ โดยกล่าวถึงความสำเร็จของพรรค และประชาชนที่ร่วมกันปฏิวัติจนสำเร็จ ใจความตอนหนึ่งว่า “พรรคได้นำพาประชาชนต่อสู้อย่างไม่ขลาดเขลา จนประสบความสำเร็จอย่างมากในการปฏิวัติสู่สังคมใหม่”
การสร้างอุดมการณ์สังคมนิยม สี จิ้นผิงระลึกถึงความร่วมมือกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนว่า “พรรคและประชาชนจีนร่วมกันสร้างจีนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยจิตวิญญาณของความเชื่อมั่นในตัวเองว่าการปฏิวัติและสรรสร้างสังคมนิยมจะสำเร็จ”
ด้านการปรับปรุงประเทศให้เป็นสังคมนิยมสมัยใหม่ พรรค ฯ ได้มีนโยบายปรับปรุงอุดมการณ์มาร์กซิสม์ให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศผ่านการเปิดประเทศทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม “พรรคนำประชาชนจีนให้มีเจตจำนงเสรีและก้าวหน้าไปข้างหน้า จนประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในการปฏิรูป เปิดกว้าง และการเป็นสังคมนิยมสมัยใหม่” สี กล่าวถึงความสำเร็จของการเปลี่ยนประเทศให้เป็นแบบสังคมนิยมสมัยใหม่
และสุดท้ายคือการกล่าวถึงการเป็นสังคมนิยมจีนยุคใหม่ที่ทางพรรคและประชาชนได้ก้าวข้ามอุปสรรคร่วมกัน “พรรคได้นำพาประชาชนต่อสู้กับอุปสรรคครั้งใหญ่ แผนการครั้งใหญ่ อุดมการณ์ครั้งใหญ่ และความฝันอันยิ่งใหญ่ ผ่านจิตวิญญาณของความไว้วางใจ ความเชื่อมั่นในตนเองและนวัตกรรม จนประสบความสำเร็จในการเป็นสังคมนิยมแบบจีนยุคใหม่”
ภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีของประเทศ ถือเป็นสิ่งที่แต่ละประเทศให้ความสำคัญที่ไม่อาจถูกเย้ยหยันหรือดูหมิ่นได้ ดังเช่นความตอนหนึ่งของสุนทรพจน์ที่ว่า “คนจีนจะไม่ยอมให้กองกำลังต่างชาติกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือกดขี่พวกเรา ใครก็ตามที่หาญกล้าทำเช่นนั้น ศีรษะพวกเขาจะกระแทกโชกเลือดบนกำแพงเหล็กอันยิ่งใหญ่ ที่สร้างด้วยเลือดและเนื้อของชาวจีน 1,400 ล้านคน”
สี จิ้นผิงต้องการพัฒนากองทัพจีนให้ได้มาตรฐานระดับโลกด้วยการทำให้กองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์มีความทันสมัยมากขึ้น “พวกเรา(กองทัพ)มีครบทั้งความสามารถและความเชื่อถือได้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และการแสวงหาผลประโยชน์ เราต้องเร่งทำให้กองทัพและอาวุธมีความทันสมัย” สี กล่าวถึงความสามารถและเป้าหมายที่จะปฏิรูปกองทัพ
จีนในฐานะหนึ่งในประเทศมหาอำนาจได้กล่าวถึงนโยบายต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์และจุดยืนในเวทีโลกว่าจะไม่ก้าวร้าวหรือเป็นเจ้าโลก โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “พรรคห่วงใยในอนาคตของมนุษยชาติและปรารถนาที่จะก้าวไปข้างหน้ากับกองทัพอื่นทั่วโลก”
ในโอกาสครบรอบ 100 ปี นายสีได้รำลึกถึงความเสียสละและความศรัทธาต่อทหารผู้บุกเบิกการปฏิวิติ โดยกล่าวถึงรายนามของบุคคลสำคัญของชาติ อาทิ “เหมา เจอตง, โจว เอินไหล, หลิว เสาสี, จู เต๋อ, เติ้ง เสี่ยวผิง, เฉิน หยุน, และนักปฏิวัติรุ่นบุกเบิกคนอื่น ๆ ที่มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติ, ปฏิรูป, การรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวในการก่อตั้งและการพัฒนาพรรคคอมมิวนิสต์”
ด้านความเป็นอยู่ของประชาชน สี กล่าวถึงความสำคัญของประชาชนในฐานะที่เป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ว่า “ประชาชนคือวีรบุรุษที่แท้จริง พวกเขาคือผู้สร้างประวัติศาสตร์”
ในการกล่าวสุนทรพจน์ ประธานิบดี สี ได้กล่าวถึงประเด็นหนึ่งประเทศสองระบบ และกล่าวถึงสถานะของไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า ว่า "เราต้องนำหลักการ 'หนักประเทศ สองระบบ' , 'คนฮ่องกงปกครองฮ่องกง' , 'คนมาเก๊าปกครองมาเก๊า' มาใช้อย่างเต็มที่ ถูกต้อง และมีความเป็นอิสระ นำธรรมาภิบาลของรัฐบาลกลางเหนือเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า เราต้องยึดถือระบบกฎหมายของเขตปกครองพิเศษนี้ เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ, ปกป้องอธิปไตย, ความมั่นคง, และผลประโยชน์ในการพัฒนา, ปกป้องเสถียรภาพทางสังคมโดยรวมของเขตปกครองพิเศษ, และเพื่อรักษาวามเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของฮ่องกงและมาเก๊าในระยะยาว” ผู้นำจีนยังกล่าวถึงประเด็นไต้หวันว่า การแก้ปัญหาไต้หวันถือเป็นภารกิจดั้งเดิมของพรรคคอมมิวนิสต์ นายสีระบุถึงหนทางที่จะดำเนินต่อไปว่า "ในการแก้ปัญหาไต้หวัน เรา(จีน)ต้องทำให้ความพยายามที่จะแยกตัวเป็นอิสระไม่สำเร็จ"
"พรรคคอมมิวนิสต์จีน อันยิ่งใหญ่ รุ่งโรจน์ และยุติธรรม จงเจริญ!"
“พลเมืองผู้ยิ่งใหญ่ รุ่งโรจน์ และกล้าหาญ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จงเจริญ!”
สำหรับพิธีการเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่ง โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้เข้าร่วมงานนับหมื่นคนล้วนได้รับการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 แล้ว ทั้งผู้เข้าขบวนพาเหรดและเข้าร่วมเฉลิมฉลองจึงไร้ซึ่งหน้ากากอนามัยในการรวมตัวกันท่ามกลางพื้นที่กลางแจ้ง อันเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึง "ชัยชนะ" ของจีนในการพิชิตไวรัสโคโรนา2019 พร้อมมีการถ่ายทอดสดพิธีนี้มีผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ
นอกจากขบวนพาเหรดอันยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว ยังมีการแสดงเครื่องบินผาดโผน ด้วยเครื่องบินรบของ PLA ประมาณ 80 ลำ และเครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20 บินผ่านก่อนประกอบร่างเป็นตัวเลข 100 บนท้องฟ้า มีการยิงสลุทปืนใหญ่เพื่อแสดงแสนยานภาพของจีน และปิดท้ายด้วยการร่วมกันร้องเพลง 'Without the Communist Party There Would Be No New China' หมายถึง 'ไม่มีจีนยุคใหม่ หากไร้ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน' อันเป็นหนึ่งในเพลงรักชาติของจีน
กู ซู (Gu Su) นักวิเคราะห์การเมืองที่มหาวิทยาลัยหนานจิง ทางตะวันออกของจีนกล่าวว่า ประธานธิบดีสี ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในงานวันครบรอบ 100 ปีว่าที่ผ่านมาว่า “คนจีนได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง” ผู้เชี่ยวชาญยังกล่าวอีกว่าการเฉลิมฉลองนี้เน้นที่ความเชื่อมโยงของพรรคอมมิวนิสต์กับประวัติศาสตร์ชาติจีน เพราะต้องการสร้างความเกี่ยวเนื่องให้เห็นถึงความทุ่มเทของพรรค เหมือนกับว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน กำลังใช้โอกาสนี้เพื่อส่งเสริมความนิยมในพรรค ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างความรุ่งเรืองในอดีต ความสำเร็จในปัจจุบัน และความยิ่งใหญ่ในอนาคต
นอกจากนั้นทอม ราฟเฟอร์ตี (Tom Rafferty) จาก The Economist Intelligence Unit กล่าวกับ BBC ถึงความพิถีพิถันในการจัดเตรียมงานว่า “องค์ประกอบที่สอดคล้องกันของข้อความที่สื่อออกมา คือความพยายาม ในการเน้นย้ำว่าช่วงเวลาปัจจุบันในฐานะตัวแทนของ ยุคใหม่ นั้น แตกต่างจากยุคของเติ้งเสี่ยวผิง ในการปฏิรูปเมื่อปีพ.ศ. 2521 ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางสังคม ตลอดจนนโยบายเปิดประเทศ ว่าสิ่งเหล่านั้นมีความแตกต่างจากจีนในยุคปัจจุบันอย่างไร เขายังกล่าวเสริมอีกว่า การเฉลิมฉลองนี้ “ตอกย้ำให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของท่านผู้นำคนปัจจุบัน ที่จะเทียบชั้นตนเองกับท่านผู้นำในตำนานอย่างประธานเหมา เจ๋อตุงและเติ้ง เสี่ยวผิง”
ถึงแม้ว่าภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะทำให้จีนมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและเติบโต รวมทั้งมีเสถียรภาพทางสังคมที่เข้มแข็ง แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้การก้าวขึ้นบันไดขั้นถัดไปของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจจะมีความยากลำบากเพิ่มขึ้น อย่างความท้าทายภายในด้านเศรษฐกิจ ตั้งแต่อัตราการเกิดที่ลดลง ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นปัญหาให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคต
รวมถึงความไม่เท่าเทียมกันของรายได้และความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบท ยังมีปัจจัยภายนอกอย่างความขัดแย้งของจีนกับนานาประเทศ เช่น การทำสงครามการค้ากับอเมริกา ปัญหาความตึงเครียดทะเลจีนใต้ จากความพยายามที่จะแสดงแสนยานุภาพทางทะเล ในการแข่งขันทางทหารกับสหรัฐ และพันธมิตรในกลุ่มควอด (Quad) ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ยังมีความขัดแย้งกับประเทศในกลุ่มอาเซียนกรณีแม่น้ำโขง ในประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการที่จีนทุ่มสร้างเขื่อนบริเวณต้นลำนำโขงกว่า 28 เขื่อน และปัจจัยอื่นๆ ที่จะกลายเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่ของโลกในอนาคต อย่างการแข่งขันทางเทคโนโลยี และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น