นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ รายการ PEACETALK วิเคราะห์สถานการณ์ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะลุกลามให้เกิดการเปลี่ยนทางการเมืองวงกว้างขึ้น ทั้งในพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ตามสัจธรรมที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร”
โดยนายจตุพร กล่าวว่า ถ้อยคำ “ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” นั้น เป็นสัจธรรมการเมืองไทย และบางคนถึงพูดประชดว่า อย่าหาเพื่อนแท้เลย จะหาเพื่อนกินยังลำบาก เนื่องจากห้วงเวลาทางการเมืองนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตลอดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปี 2475 มาจนถึงขณะนี้ คำว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร เป็นความจริงอย่างยิ่ง เพราะมีหลายตัวอย่าง เช่น กรณีจอมพล ป. พิบูลสงคราม กับจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ ประกาศสัจจะวาจาทหารจะไม่วัดรอยเท้า แต่พอได้เวลาก็ยึดอำนาจจากจอมพล ป.
เมื่อมาถึงการเมืองสมัยนี้ แม้มีนักการเมืองน้อยมากที่ผูกขาดเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส.ส.ล้วนเวียนวนเข้า-ออกพรรคต่างๆกันเสมอ ดังนั้นการวิเคราะห์การเมืองไทยต้องมองเป็นตอนๆ กับสถานการณ์หนึ่งๆเท่านั้น ส่วนสิ่งที่เกิดกับ พปชร. เคยเกิดกันมาหลายพรรคมาแล้ว เมื่อกรรมการบริหารลาออก 18 คน และเกินครึ่ง จึงต้องมีการเลือก กก.บห.ชุดใหม่มาแทนใน 45 วัน แต่เหตุการณ์นี้มีการวิเคราะห์กันว่า หัวหน้าพรรคคนต่อไปคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรี 4 กุมาร กับหนึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นั้น เมื่อถึงเวลาต้องมีอันเป็นไป เนื่องจากทั้ง 4 กุมาร คือ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาฯ รองหัวหน้าพรรค อีกทั้งนายสมคิด หัวหน้าใหญ่ของกลุ่ม ซึ่งทุกคนมีตำแหน่งมากกว่าทุกกลุ่มทั้งใน พปชร.และคุมกระทรวงใหญ่
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองสามารถมองเห็นเวลาต้องเบื่ออยู่เช่นกัน แต่สิ่งน่าคิดคือ นายสมคิดกับอีก 3 หรือ 4 กุมารนั้นจะมีอาการเลือดสุพรรณ คือ มาด้วยกันและไปด้วยกันหรือไม่ เพราะการเมืองมาถึงช่วงของอำนาจและผลประโยชน์กันแล้ว
“ความจริง พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ทรงอำนาจทั้งใน ครม.และในพรรค ดังนั้น การบริหารจัดการอำนาจในตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีจำกัดนั้น เมื่อ 4 กุมาร ซึ่งมีภาระรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ถ้ามีการเปลี่ยนผู้เล่นอาจสร้างความหวังให้ประชาชนอีกสักระยะหนึ่งก็ได้ เพราะเป็นสิ่งใหม่ ต้องรอการพิสูจน์อีกที”
นายจตุพร กล่าวว่า นายสมคิด ผ่านการเมืองมากกว่า 3 กุมาร เป็นมือทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ยุค ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังเกี่ยวข้องกับการเมืองหลายพรรค เมื่อครั้งยึดอำนาจปี 2549 ได้เข้าไปอยู่วงในด้านเศรษฐกิจ แต่ถูกแรงต้าน ทำให้ภาพทางการเมืองจึงไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อ คสช.ยึดอำนาจปี 2557 ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ ได้เป็นมือเศรษฐกิจ แล้วต่อเปลี่ยนมาเป็นนายสมคิด
อย่างไรก็ตาม 3 ป. แห่งบูรพาพยัคฆ์ ร่วมชีวิตกันมาค่อนชีวิต ใครคิดว่าจะมีปัญหากันนั้น ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมาก การยึดอำนาจเมื่อ 2557 เป็นการศึกษาทำไม่ให้เสียของจากทุกคณะรัฐประหารมาหมด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใน พปชร.จะสร้างความแตกแยกใน 3 ป นั้น อาจจะผิด เพราะทหารเขาไม่ขัดแย้งกัน
การเปลี่ยนแปลงทั้งใน พปชร.กับ ครม.จะเกิดขึ้นโดยเร็ว ดังนั้นเกมของ พปชร.จะเกี่ยวข้องกับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ใครจะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีน่าสนใจอย่างยิ่ง รวมถึงการปรับ ครม.ของพรรคการเมืองอื่นด้วย เข้าใจกันว่า การปรับ ครม.คราวนี้คงทำในคราวเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงต้องสอบถามไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่า จะมีพรรคใดปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีกันบ้าง และแรงกระเพื่อมนี้ไม่ได้อยู่เฉพาะ พปชร.เท่านั้น แต่จะลามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้องเกิดความขัดแย้งกัน ส่วนพรรคภูมิใจไทยมีอาการน้อยมาก
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นั้น ภายในจะเกิดความขัดแย้งกันขึ้น เพราะสะสมปัญหาจากคนที่เป็นรัฐมนตรีกับคนไม่ได้เป็นรัฐมนตรี และระหว่างฝ่ายอดีตหัวหน้าพรรคกับหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันกันไว้ โดยคนได้เป็นรัฐมนตรีก็ไม่อยากออก คนที่จ่อรัฐมนตรีย่อมเคลื่อนบทบาท จนจะทำให้เกิดการเกลี่ยกันใหม่ เพื่อรองรับโอกาสทางการเมือง แล้วผลตามมาจะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองกันอีกพักหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม