หลังจากที่ ท็อป-บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และไทด์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ ลงพื้นที่แจกเงินช่วยคนจน และได้เจอ แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังในอดีต ที่มีสร้างชื่ออาทิ แห่ขันหมาก, รักสาวเสื้อลาย, จับตัวตีตราจอง  โดยบังเอิญ ซึ่งแสงสุรีย์อาศัยอยู่ในบ้านที่มีสภาพทรุดโทรม ไม่มีเงิน ซ้ำร้ายตามองไม่เห็น 1 ข้าง บิณฑ์และไทด์มอบเงินให้ 1 หมื่นบาทเป็นค่าใช้จ่าย แสงสุรีย์กลายเป็นข่าวที่คนให้ความสนใจทันที

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไทด์-เอกพันธ์  และแสงสุรีย์ ได้เล่ารายละเอียด ผ่านรายการโหนกระแสที่แพร่ภาพ ทางช่อง 3 HD วันที่ 14 พ.ค. โดย ไทด์บอกว่า ตอนแรกที่เจอตนจำไม่ได้ การได้เจอแสงสุรีย์ครั้งนี้ยอมรับว่าตกใจมาก ไม่คิดว่านักร้องที่โด่งดังในอดีตจะมีความเป็นอยู่แสนลำบากในวันนี้

“ผมกับคุณบิณฑ์แจกสตางค์ให้ประชาชนอยู่ ก็เดินไล่มาเรื่อยๆ สักพักมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน ผมก็ถามว่าอยู่บ้านหลังนี้ใช่ไหม เขาใส่แมสก์แล้วถามว่าจำเขาได้มั้ย เราก็จำไม่ได้ เขาบอกว่าเขาพี่แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ พอเปิดแมสก์ออก อ้าวแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์จริงๆ ในใจวูบเข้ามา พี่เขาอยู่สภาพแบบนี้เหรอ อดีตนักร้องมีชื่อเสียงโด่งดังมาก แล้วเพลงน้องใส่เสื้อลายมันก็ลอยขึ้นมา เราก็ร้องเพลงตรงนั้นเลยตกใจ ไม่คิดว่านักร้องที่เคยโด่งดังในอดีตจะอยู่แบบนั้น เป็นห้องเช่าเล็กๆ สภาพความเป็นอยู่ คือเข้าไปก็เจอเตียงนอนเลย”

พิธีกรถามว่า เคยเป็นนักร้องดังทะลุฟ้าเหมือน สายัณห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ ทำไม ชีวิตความเป็นอยู่ถึงเป็นแบบนี้ แสงสุรีย์กล่าวว่า “จริงๆ เมื่อก่อนก็อยู่ดี บ้านก็มี บ้านนอกโคราช แต่อย่างนี้ผมมาอยู่เพราะไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมาก เป็นบ้านผมเอง เสียแค่ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากิน ค่าใช้จ่าย เผอิญช่วงนี้มีโควิดผมก็เลยมาอยู่อย่างนี้”

แสงสุรีย์ในวัย 66 ปี บอกต่อว่า ทุกวันนี้เขายังรับงานร้องเพลง มีคนจ้างไปทั่วประเทศ ได้ค่ายเหนื่อยครั้งละ 5,000 บาทขึ้นไป  แต่พอโควิด-19 ระบาด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมางานถูกยกเลิกไม่มีรายได้แม้แต่บาทเดียว

“เมื่อก่อนมีงานไปแสดงตามงานวัด งานแต่ง งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่ พอมีตังค์ แต่ทีนี้พอมีโควิดผมก็ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้เตรียมเงิน ได้มาก็ใช้ไป ผมก็ต้องเลี้ยงดูลูกหลาน คู่ชีวิตบ้าง ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ตอนนี้ไม่มีสนิทเลย”

นักร้องดังในอดีตบอกอีกว่า ขอบคุณบิณฑ์และไทด์ที่ให้เงินช่วยเหลือเป็นทุนต่อสู้ชีวิต รู้สึกเหมือนเทวดามาโปรด

“ขอบคุณอย่างสูงเลย เหมือนเทวดามาโปรด ตอนเขาไปผมไม่มีเงินสักบาท แต่ผมก็กินข้าวหลวง ที่เขาไปแจก ถุงพระราชทาน มีข้าวสารอาหารแห้ง ปลากระป๋องก็อยู่ได้”

ไทด์เสริมว่า บิณฑ์เขามอบเงินให้ 1 หมื่นได้ต่อสู้กับชีวิตที่มีอยู่ เขาก็น้ำตาคลอ ร้องไห้ ว่าเราได้ช่วยเหลือเขา

“ผมไม่นึกเลย” แสงสุรีย์บอกความรู้สึก

ไทด์กล่าวต่อ “เราก็ไม่คิดว่าเราจะมาเจอรุ่นพี่ หรือคนที่เราชื่นชอบมากๆ ในเพลงของเขา แต่สุขใจที่ได้ช่วยเหลือในวงการเดียวกัน ถือว่าเป็นศิลปินนักร้องนักแสดง ก็บอกเขาว่าถ้าตาภายในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ไม่มีใครมาช่วย แต่เห็นบอกว่าตอนนี้มีรพ. นึงติดต่อจะรักษาให้ฟรี”

ส่วนเรื่องดวงตาที่มีปัญหา แสงสุรีย์บอกว่า เป็นเพราะเลนส์ตาที่ทำไว้หลุด ทำให้ตาข้างขวามองเห็นแค่แสงลางๆ

พิธีกรถามว่า มีคนบอกว่าเป็นนักร้องดัง ทำไมไม่เก็บเงิน แสงสุรีย์ ตอบว่า “ผมเป็นลูกจ้าง เขาซื้อตัวผมไปทำวงดนตรี  2521-2525 ที่วงดนตรีคนเยอะๆ ไปดูผม มีนายทุนที่เขาซื้อวงไป เขาหาไป วงของผมราคาจริงๆ แค่ 2-3 หมื่น ได้เป็นรายวัน แต่ก่อนวงผคืนละ 2 หมื่น ผมได้ 5 เปอร์เซ็นต์ของ 2 หมื่น”

อีกทั้ง “ต้องแบ่งอาจารย์อีก 500”  เท่ากับตนเองเหลือรายได้วันละ 500 บาท

 ไทด์ถามย้ำ  “ลงจากเวทีได้ 500”

แสงสุรีย์ตอบว่า “เป็นกฏเกณฑ์ลูกทุ่งเหมือนสวรรค์สาป”

มาถึงตรงนี้ ไทด์ ตั้งข้อสังเกต และขอถามเป็นความรู้ “ทำไมพี่ยอดรัก พี่สายัณห์เขาร่ำรวย มีเงินทอง”

แสงสุรีย์ ตอบว่า “ก็เหมือนกัน ทุกวันนี้เขาก็ไม่เหลือแล้วนี่ เขามีนายทุน แต่พวกนี้ชิ่งออกมาจากนายทุนก่อน พี่เป้า สายัณห์ ชิ่งออกมา ยอดรัก ก็ชิ่งออกมาทำเอง"

พิธีกรถามต่อว่า นักร้องสมัยก่อนที่โด่งดัง สุดท้ายเราไม่ได้โดยตรง แต่มีนายห้าง เป็นคนออกเทป ออกเพลง ออกแผ่นเสียงให้ ตั้งวงให้ เราเป็นลูกจ้าง ดังทะลุฟ้าแต่ร้องเพลงงานหนึ่งเงินถึงเราได้ 500

แสงสุรีย์ ตอบว่า  “มีนายทุนซับซ้อน ซื้อเป็นปี แล้วไปเก็บวิกเป็นแสนเป็นล้าน ซื้อขาดตัวไปเลย ต้องทำสัญญาอยู่ภายใต้อาณัตินายห้างผู้ทำแผ่นเสียง อันนี้ไม่ได้ อันนั้นไม่ได้โดนจับ เขาบอกทำไมไม่มีตังค์ แล้วผมจะได้อะไรพอนึกถึงเรื่องเก่าๆ แล้วขึ้นเลย บางคนก็เข้าใจ หัวอกเดียวกัน”

เรื่องของสุขภาพ แสงสุรีย์บอกว่า นอกจากมีปัญหาเรื่องการมองเห็นแล้ว ตนยังมีอาการหูอื้อ และยังเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งเรื่องการรักษาไทด์บอกว่าหากแสงสุรีย์ไม่มีเงินรักษาจะรับดูแลขอเป็นเจ้าภาพให้หมดเลย

อย่างไรก็ตาม ไทด์ บอกทิ้งท้ายว่า เมื่อวันก่อนเจอ เนตรดาว นภาวรรณ นักแสดงรุ่นเดียวกับ เพชรา เชาวราษฎร์ โดยเธอนั้นโดนตัดขาข้างหนึ่ง จากสาเหตุมีแผลแล้วเกิดการติดเชื้อ ซึ่งบิณฑ์ได้มอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 10,000 บาท ทำเอาอดีตนักแสดงร้องห่มร้องไห้ เพราะเจ้าของบ้านจะไล่ออกแล้ว

สำหรับการแจกเงินผู้ที่เดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไทด์ บอกว่า แจกไปแล้วกว่า 1 หมื่นคน เป็นเงินประมาณ 16 ล้านบาท โดยเป็นเงินส่วนตัวของบิณฑ์ที่ได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า 10 ล้านบาท อีก 6 ล้านบาท ได้จากการบริจาค จากผลิตภัณฑ์ที่บิณฑ์เป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งการแจกจะแจกวันนี้ (14 พ.ค.) เป็นวันสุดท้าย เพราะเงินหมดเกลี้ยงจริงๆ

“พี่ท็อปเขาเอาเงิน 1 ล้านมอบให้เจ้าหน้าที่ เขาตั้งเจ้าหน้าที่กลุ่มขึ้นมาคอยดูแลเรื่องรายชื่อที่จะมาขอเงิน ทนไม่ไหวแย่มากจะฆ่าตัวตาย ก็มอบให้คนติดต่อมาคนละ 1 พันบาท ตอนนี้หยุดแล้ว เพราะไม่ไหว จ่ายไป 5-6 พันราย เงินมันก็เลยหมด”