ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (พท.) จ.ร้อยเอ็ด คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา นายปลอดประสพ สุรัสวดี พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรค นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษพรรค นายประยุทธ์ ศิริพานิช ประธานภาคอีสานพรรคและส.ส. กทม.ของพรรค เดินทางลงพื้นที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพท. สัญจร ครั้งที่ 1 โดยร่วมประชุมหารือกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 6 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ อาทิ นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และส.ส.ภาคอีสานอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อหารือกันถึงแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรทั้งเรื่องปัญหาปากท้อง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และปัญหาที่เกิดจากภาวะภัยแล้ง โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกว่า 100 คน
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พี่น้องมีความทุกข์ที่ไหนพรรคเพื่อไทยจะไปที่นั่น แม้พี่น้องจะเลือกพรรคเพื่อไทย แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ใช่ความผิดพี่น้อง และไม่อยากให้พี่น้องท้อ เพราะเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญที่เอาเปรียบที่สุด พรรคเราทุกคนก็ไม่ท้อ และจะเดินหน้าเคียงข้างพี่น้องต่อไป เพราะเรารู้ว่าพี่น้องทุกข์ทั้งจากพิษภัยทางเศรษฐกิจ และภัยแล้ง เราจะมาช่วยผลักดันสิ่งต่างๆเต็มที่ พรรคเพื่อไทยทั้งส่วนกลาง และส.ส.ในพื้นที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเอามาคิด และหาทางแก้ปัญหา เราจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องแม้แต่วินาทีเดียว วันนี้เราจะมาทำให้ทุ่งกุลาไม่ร้องไห้ เราจะเริ่มต้นผลักดันโครงการที่เราคิดมากว่า 20 ปีด้วยความมุ่งมั่น ให้ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็น"ทุ่งกุลามั่งมี" ให้ได้ นอกจากนี้ เราจะผลักดันทุ่งกุลาร้องไห้ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษนอกอีอีซี โดยเรียกว่า เขตพัฒนาพิเศษทุ่งกุลาร้องไห้ “Thungkula Special Area (TSA)” ซึ่งเราจะนำแผนงานนี้ไปนำเสนอต่อทางรัฐบาลด้วย
ด้านนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องดำเนินการดังนี้ 1.เติมน้ำให้เพียงพอต่อการผลิตอย่างยั่งยืน รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ชลประทานของพื้นที่ภาคอีสานจาก 12 เปอร์เซ็นต์ เป็น 75 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่การเกษตร 57.75 ล้านไร่ แบ่งเป็นโครงการย่อย คือ โครงการ โขง เลย ชี มูล ซึ่งจะทำให้เพิ่มพื้นที่ชลประทานได้ประมาณ 30 ล้านไร่ โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 แหล่งน้ำ โดยจัดงบประมาณผ่านตรงไปยังประชาชนให้จัดทำแหล่งน้ำ ประจำหมู่บ้านของตนเอง เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร โครงการกักเก็บน้ำใต้ดิน หรือธนาคารน้ำใต้ดิน และทำฝ่ายกักเก็บน้ำในลำน้ำชี ลำน้ำมูล ลำน้ำยัง และลำน้ำใหญ่ๆ อื่นๆ เป็นช่วงๆ ตลอดลำน้ำ รวมทั้งทำแก้มลิงเพิ่มเติม และเขื่อนขนาดเล็ก โดยใช้ระบบสูบน้ำด้วยไฟฟ้า
2.การเพิ่มมูลค่าของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา โดยยกระดับคุณภาพการผลิตข้าวหอมมะลิออแกนิค โดยรัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการยกระดับราคาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน ทำ Thailand Brand ของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา โดยรัฐ เพื่อรับรองคุณภาพ แหล่งผลิต รวมทั้งการทำ packaging การทำการตลาด ตลอดจนการทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
จากนั้นช่วงบ่าย คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะ และตัวแทนกลุ่มเพื่อไทยพลัส ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์ภัยแล้ง ลำเสียวใหญ่ บ้านเมืองบัว ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวนาทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งขณะนี้ลำน้ำเสียวแห้งขอด จนชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงลงไปเลี้ยงกลางแอ่งที่เมื่อก่อนเคยเป็นลำน้ำได้
'สุดารัตน์' รับปากฟังปัญหาภัยแล้งไปผลักดันกับรัฐบาล
ต่อมาเวลา 14.00 น. คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเดินทางไปสวนทุ่งทองคำ สวนอินทผลัม บ้านหนองอ่าง ต.กำแพง อ.เกษตรวิสัย จากนั้นได้พบปะประชาชนชาว อ.ปทุมรัตน์ รับทราบปัญหาความเดือดร้อนจากภัยแล้งอีกจุดหนึ่ง โดยตลอดการลงพื้นที่ประชาชนได้สะท้อนปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรอย่างหนัก เพราะน้ำในแอ่งน้ำที่เคยมีในจังหวัดแถบภาคอีสานแห้งขอดเกือบหมด ดูแล้วทำการเกษตรไม่น่ารอด บางคนน้ำตาคลอเข้าสวมกอดแกนนำพรรคที่ลงพื้นที่
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยทำงานอย่างหนักในสภาเพื่อถ่ายทอดความสำบากของพี่น้องประชาชน แต่เราไม่รู้ว่ารัฐบาลจะฟังไหม วันนี้เราเลยต้องลงมาช่วย อย่างน้อยก็ยังได้ให้กำลังใจพี่น้องให้อดทน และสู้ไปด้วยกันก่อน นอกจากนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ยังถือโอกาสนี้ลงมารับแผนการแก้ปัญหาในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดเอาไปขับเคลื่อนโดยการเตรียมร่างเสนอต่อรัฐบาล และจะติดตามให้รัฐบาลนำไปขับเคลื่อนให้ได้
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเราจะออกไปสัญจร เป็นคณะใหญ่แบบนี้ทุกเดือนเพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ เลย ส่วนคณะย่อยด้านต่างๆ เราจะลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้แคมเปญ “เพื่อไทย สร้างไทย” โดยให้ประชาชนคิด แล้วพรรคเพื่อไทยจะนำไปทำ เพราะหากทิ้งให้ปัญหาหมักหมมจะทำให้เกิดความซับซ้อน และยากที่จะแก้ไข
ข่าวที่เกี่ยวข้อง