ไม่พบผลการค้นหา
ไบเดนขึ้นค่าแรงเกือบ 40% ให้ลูกจ้างของรัฐ เริ่มดำเนินการ ม.ค.2565 หน่วยงานนโยบายเศรษฐกิจเชื่อเพิ่มรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจจริง กลุ่มสตรี-ชาวผิวดำ-ชาวฮิสแปนิก ได้ประโยชน์โดยตรง
"ผมเชื่อว่าไม่มีใครสมควรทำงานเต็มเวลา แล้วยังต้องอยู่ภายใต้ความยากจน"

'โจ ไบเดน' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้ลูกจ้างของรัฐบาลราว 40%  

เว็บไซต์ของทำเนียบขาว ลงรายละเอียดเกี่ยวกับคำสั่งประธานาธิบดีเพิ่มเติม ชี้ว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิมราว 10.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ชั่วโมง (343 บาท/ชั่วโมง) เป็น 15 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ชั่วโมง (471 บาท/ชั่วโมง) จะเริ่มขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. 2565 และมีผลแล้วเสร็จในทุกหน่วยงานของรัฐภายในสิ้นเดือน มี.ค.

เพื่อตอกย้ำถึงความเสมอภาคของพลเมือง ฐานค่าแรงขั้นต่ำที่ 471 บาท/ชั่วโมงนั้น ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งกับแรงงานทั่วไปและบุคคลทุพพลภาพ

คำสั่งของไบเดนยังมีผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้องทำการประเมินอัตราเงินเฟ้อและปรับฐานค่าแรงให้เหมาะสมกับภาวะนั้นๆ ในทุกๆ ปี นับตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

สถาบันนโยบายทางเศรษฐกิจประเมินว่า ลูกจ้างของรัฐราว 390,000 คน จะได้รับค่าแรงที่สูงขึ้น คิดเป็นค่าเฉลี่ยราว 3,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี (97,300 บาท) โดยในจำนวนผู้ได้รับประโยชน์ดังกล่าว กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเพศหญิง และเป็นกลุ่มคนผิวดำและชาวฮิสแปนิกหรือผู้ที่สืบวัฒนธรรมมาจากประเทศที่สื่อสารภาษาสเปน

อ้างอิง; CNBC, FT, Reuters