ศึกเลือกตั้งซ่อมเป็นการเดิมพันสงครามย่อยๆ ว่าคนลำปาง เขต 4 จะเอา เผด็จการ หรือ ไม่เอาเผด็จการ ในห้วงที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วงควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
เมื่อสองคู่ชิงศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 เที่ยวนี้ ได้ยุติลงเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มิ.ย. 2563
เป็นการลงนวมสนามเลือกตั้งซ่อมระดับชาติ ระหว่าง 'วัฒนา สิทธิวัง' ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้การนำทัพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จากภาคเหนือ ซึ่งต้องชิงเก้าอี้ ส.ส.กับ 'ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ' ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคเสรีรวมไทย ภายใต้การนำของ 'พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส' หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
ปิดหีบลงคะแนนหลังเวลา 17.00 น. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นับบัตรลงคะแนนเสร็จเรียบร้อย และเป็นไปตามคาด 'พลังประชารัฐ' นอนมาแบเบอร์ โค่น 'เสรีรวมไทย' ใน 6 อำเภอทิ้งขาด และขาดลอย
'วัฒนา' ชนะด้วยคะแนนที่ประชาชนเทให้ 61,821 คะแนน (เลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 วัฒนาได้ 30,368 คะแนน) เพิ่มขึ้น 31,453 คะแนน
ด้านผู้พ่ายแพ้อันดับ 2 ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 2 ได้ 37,781 คะแนน (2,466 คะแนน : 24 มี.ค. 62) ซึ่งได้เสียงเพิ่มขึ้น 35,315 คะแนน
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ 162,806 คน ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 110,326 คน (67.68 %)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ พรรคพลังประชารัฐ ปักธงเจาะไข่แดงยึดครอง จ.ลำปาง ในเขตเลือกตั้งที่ 4 คือการถอนตัวอย่างกะทันหันทันท่วงทีในวันสุดท้ายที่เปิดรับสมัคร ส.ส. ของ 'พินิจ จันทรสุรินทร์' ซึ่งพรรคเพื่อไทยวางตัวส่งชิงรักษาฐานเสียงเดิมของ 'อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์' บุตรชายของ 'พินิจ' ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
วิเคราะห์คะแนนเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 'อิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์' พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งด้วย 42,984 คะแนน
อันดับ 2 นายวัฒนา สิทธิวัง พลังประชารัฐ 30,368 คะแนน
อันดับ 3 น.ส.พิมดารา ศิริสลุง อนาคตใหม่ 26,471 คะแนน
อันดับ 4 นางสุนี สมมี ภูมิใจไทย 4,243 คะแนน
อันดับ 5 นายญาณวรุตม์ ธรรมชาติ ประชาธิปัตย์ 2,469 คะแนน
อันดับ 6 ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ เสรีรวมไทย 2,466 คะแนน
เสียงที่เพิ่มขึ้นถึง 31,453 คะแนน ของ 'วัฒนา สิทธิวัง' จึงมีนัยยะสำคัญ จากฐานเสียงเดิมที่เคยมีเพียง 30,368 คะแนน
มีการวิเคราะห์จาก 'ทีมกุนซือพรรคเพื่อไทย' ที่เฝ้าประเมินหลังรู้ผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ 'พรรคพลังประชารัฐ' ได้อภินิหาร คะแนนเสียงงอกมาก 1 เท่าตัว
มาจากการเทคะแนนเสียงของฐานเสียง 'ตระกูลจันทรสุรินทร์' ภายใต้การหลีกทางให้เฉพาะกิจของ 'พินิจ' ซึ่งเคยส่งบุตรชายชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562
เป็นการหลีกทางของ 'พินิจ' จนทำให้แกนนำพรรคเพื่อไทยถึงขั้นถูกหักดิบ - ส.ส.ภายในพรรคถึงขั้นงงกับปรากฏการณ์ถอนตัวในวันสุดท้าย เพราะได้รับปากว่าจะลงสนามทวงคืนเก้าอี้ ส.ส.ให้กับพรรคเพื่อไทย
กว่า 6 หมื่นเสียงที่ 'พลังประชารัฐ' ชนะเลือกตั้งถือเป็นคะแนนเสียงที่มีกำลังภายในมากเป็นพิเศษ จนทำให้ 'พรรคเสรีรวมไทย' ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านเพียง 1 พรรรคในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ แม้ว่าจะได้คะแนนเสียงจากพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) เทให้ทั้งหมด ผสมโรงกับฐานเสียงที่ไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่ยังไม่นับรวมกับเหตุการณ์ก่อนวันเลือกตั้งซ่อม 2 วัน ที่ 'พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ' รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ลงพื้นที่ซ้ำช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันหย่อนบัตร ด้วยการอาศัยอำนาจรัฐ ลงตรวจราชการเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา รุกเจาะไปยัง อ.สบปราม จ.ลำปาง เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งจัดสรรงบกลาง แก้ไขภัยแล้งกว่า 70 โครงการ และงบเร่งด่วนอีกกว่า 150 โครงการ
แม้ตัวแทนพรรคฝ่ายค้านจะพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เดินหน้าลุยร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยระบุว่า "ก่อนเลือกตั้ง 2 วัน พล.อ.ประวิตร เดินทางมาที่ อ.สบปราบ เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. มาประชุมเรื่องปัญหาภัยแล้ง ตั้งนานไม่มาประชุม หรือรอให้พ้นวันที่ 20 มิ.ย.ก่อน ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องมาก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน อย่างนี้เท่ากับว่าเสนอให้สัญญาจะให้ผลประโยชน์อื่นใดแก่ประชาชนหรือไม่"
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีความการทุจริตเกิดขึ้น เพราะมีการจดซื้อเลขประจำตัวบัตรประชาชน และมีคาดว่าจะมีการลงคะแนนแทนกันจดบัตรประจำตัวประชาชนและน่าจะมีการลงคะแนนแทนกัน และผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งสวมหน้ากาก แต่ยุครัฐบาล คสช. มีเซ็นต์ชื่ออย่างเดียวไม่มีพิมพ์ลายมือ ใครก็สามารถปลอมลายมือกันได้
เรื่องทั้งหมด 'พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์' ลุยเขียนคำร้องฟ้องต่อ กกต. เพื่อชะลอการประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนจะไต่สวนให้เสร็จสิ้น
ปิดฉากผลเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ ได้เสียงเพิ่มมา 1 เสียงเป็น 120 เสียง เติมเสียงให้พรรคร่วมรัฐบาล 20 พรรค เป็น 276 เสียง
ขณะที่พรรคเพื่อไทย เสียงหายไป 1 ที่นั่ง เหลือ 134 เสียง ส่งผลให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน มีเสียงลดเหลือ 212 เสียง
จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เท่าที่มีอยู่ 488 เสียง พรรคร่วมรัฐบาลทิ้งห่างพรรคฝ่ายค้าน ชนะเสียงโหวตในสภาแบบสบายๆ ไม่ปริ่มน้ำ
ถ้านับเฉพาะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ใน 4 ครั้งหลังสุดรวมกับ จ.ลำปาง ด้วยแล้ว ฝ่ายค้านแพ้เรียบทุกสนามทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง