ไม่พบผลการค้นหา
รมว.เกษตรและสหกรณ์ มอบนโยบายผู้บริหารกรมฝนหลวง จัดสรรซื้อเครื่องบิน 2 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ งบ 1.4 พันล้าน เพื่อทดแทนฝูงบินรุ่นเก่า ในปฎิบัติการทำฝนหลวง

นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวมอบนโยบายให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เนื่องในงานวันคล้ายวันสถาปนากรมฝนหลวงฯ ครบรอบ 6 ปี ว่า กรมฝนหลวงฯ มีหน้าที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่เกษตรให้ดียิ่งขึ้น หัวใจสำคัญของการผลิตคือ ดิน น้ำ อากาศ ประเทศไทยมีพื้นที่ทำเกษตร 149 ล้านไร่ อยู่ในเขตชลประทาน 30 ล้านไร่ ส่วน 120 ล้านอยู่นอกเขตต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และฝนหลวงที่เกษตรกรพึ่งพาได้

ทั้งนี้การทำฝนหลวงแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล ได้ใช้เทคนิคฝนหลวงพระราชทาน ทำให้เกิดฝนตกในกรุงเทพฯ และรอบนอก เมื่อวันที่ 15 ม.ค. อย่างไรก็ตามช่วงนี้ความชื้นสัมพันธ์มีน้อย และค่ายกตัวของเมฆยังเป็นอุปสรรค จึงสั่งให้กรมฝนหลวงฯ สแตนบายตลอด 24 ชั่วโมง และประสานงานกับหน่วยงานหลัก ร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ และหากสภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการทำฝนหลวงได้ ก็จะทำทันที

นายกฤษฏา กล่าวว่ามาตรการแก้ปัญหาในเรื่องเผาซากพืช วัชพืช จากการทำเกษตร ที่ผ่านมาประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรฯ จนทำให้การเผาซากพืชลดลงไปอย่างมาก ตั้งแต่ปี 2560 รวมทั้งกระทรวงเกษตรฯ ได้ใช้ความก้าวหน้าไปช่วยเกษตรกร เช่น ข้าวโพดจะมีตอซังเหลือมากหลังเก็บเกี่ยว จากความเคยชินจะใช้วิธีเผากัน ซึ่งปัจจุบันให้ไถกลบ และใช้สารอีเอ็มโปรยจะย่อยสลาย ภายใน 1 สัปดาห์ โดยขณะนี้เกษตรกรนิยมใช้กันมากขึ้น รวมทั้งยังมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่ออกไปทำความเข้าใจถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้การเผาซากพืชแทบจะไม่มี นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านขอความร่วมมืองดเผาซากพืชอีกด้วย

นายกฤษฏา กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เห็นชอบแผนเพิ่มประสิทธิภาพฝนหลวง ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องบินขนาดใหญ่อยู่ 14 ลำ และให้จัดซื้อใหม่อีก 2 ลำ เพื่อทดแทนเครื่องบินฝูงเก่าที่ใช้งานมานาน มีอายุตามวงรอบ และจัดหาเฮลิคอปเตอร์ อีก 1 ลำ โดยได้ตั้งงบไว้แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าการทำฝนหลวงมีศักยภาพดีขึ้น นอกจากนี้ได้ให้แนวทางนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงฯ และเจ้าหน้าที่ ช่วยกันทดลองศึกษาหาเทคนิคเพิ่มเติม นอกจากปัจจัยความชื้นสัมพัทธ์ และค่ายกตัวของเมฆ ที่เหมาะสมจึงจะขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงได้ ขอให้แลกเปลี่ยนความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันหาแนวทางพัฒนากิจการฝนหลวง ให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์น้ำในหน้าแล้งนี้ กรมชลประทาน ยืนยันว่ามีน้ำเพียงพอ แต่ตนเป็นห่วงในเรื่องการใช้น้ำทำการเกษตร ยังมีการใช้น้ำมากโดยเฉพาะการปลูกข้าวต่อเนื่อง ได้ให้กรมชลฯ ไปวางมาตรการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด เพราะปัจจุบันการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพล และสิริกิติ์ มาใช้ใต้เขื่อนใช้น้ำไปมากกับการเกษตร แม้ว่ารณรงค์ให้ปลูกพืชใช้น้ำน้อยแล้ว แต่ชาวนาก็ยังปลูกข้าวกันมาก ต้องไปเฝ้าระวังจุดสูงสุดที่จะใช้น้ำมากในช่วงเดือนมิถุนายน ส่วนปัญหาค่าความเค็ม ในแม่น้ำบางปะกง แม่น้ำแม่กลอง ได้ใช้น้ำจืด ควบคุมปริมาณได้ ให้ค่าความเค็มไม่เกิน โดยใช้ระยะจากอ่าวไทย 13 กม.จะเป็นช่วงพื้นที่น้ำกร่อย

นายสุรสีห์ กล่าวว่า ดำเนินการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 2 ลำรุ่นคาซ่า 900 ล้านบาท จัดซื้อจากประเทศอินโดนีเซีย และกำลังดำเนินการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ ด้วยวิธีอีบิดดิ้ง ครั้งที่ 3 ราคา 500 ล้านบาท ใช้งบปี 61-63 โดยปีนี้จะได้เครื่องบินคาช่ามา 1 ลำและปีหน้าอีก 1 ลำ มาทดแทนเครื่องเก่า ซึ่งเครื่องบินฝนหลวงที่มีอายุการใช้งานเก่าสุด 40 ปี และใหม่สุด 2 -3 ปี ซึ่งเครื่องบินที่สั่งมาใหม่มีเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น ทั้งนี้ยังมีปัญหาบุคคลากรไม่เพียงพอโดยมีข้าราชการ 205 คน พนักงานและลูกจ้าง กว่า 200 คน 

ซึ่งภารกิจฝนหลวงเพิ่มมากขึ้นทั้งพื้นที่เกษตร และในเขตเมือง เกิดผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนด้วยสภาวะโลกร้อนขึ้น ยังต้องการเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกเท่าตัว เนื่องจากปฏิบัติการภารกิจทุกวันในการติดตามสภาพอากาศเฝ้าระวังตลอด ได้เสนอปัญหานี้กับรมว.เกษตรฯ และได้ให้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) แล้วขออัตรากำลัง พร้อมกับเปิดรับสมัครนักบินอีก 4 ตำแหน่ง แทนเกษียณ อย่างไรก็ตามนักบินฝนหลวงยังต้องการเพิ่มอีก 10 ตำแหน่งจึงเหมาะสมกับภารกิจ