นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ระบุกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม การแบน 3 สารเคมีร้ายแรง (พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต) ในภาคเกษตรกรรมให้เป็นไปตามขั้นตอนว่า ถ้าเอาประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง หัวหน้ารัฐบาล คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้กำกับนโยบายสูงสุด ต้องกล้าตัดสินใจในระดับ นโยบายที่จะรักษาชีวิตประชาชนคนไทยไม่ให้ตายผ่อนส่ง และต้องตั้งปณิธานในระดับนโยบายว่า เด็กที่เกิดใหม่ที่เพิ่งคลอดจากครรภ์มารดาจะต้องมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีสติปัญญาดี มีไอคิวสูง ไม่เป็นออทิสติก ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้คนไทยต้องได้บริโภคผัก ผลไม้ ที่ไม่มีสารเคมีร้ายแรงปนเปื้อน
นายชวลิต ระบุว่า เรื่องนี้ต้องตัดสินใจในระดับนโยบายครั้งสำคัญเมื่อมีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของคนไทยมากว่า 10 ปีติดต่อกัน โดยมีสถิติการตายด้วยโรคมะเร็ง ปีละกว่า 80,000 คน เฉลี่ยวันละ 190 คน ชั่วโมงละ 8 คน ทั้งมีแนวโน้มว่าสถิติการตายด้วยโรคมะเร็งจะสูงขึ้นนอกจากนั้น ยังพบการเจ็บป่วย การตาย ด้วยพิษภัยยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศต่อสาธารณะเป็นระยะ ดังนั้น จึงน่าผิดหวังและน่าเสียใจอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้กำกับนโยบายสูงสุดไม่กล้าตัดสินใจที่จะรักษาชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ไว้
"ถ้ารอ หรือซื้อเวลาไปเรื่อยๆ รัฐมนตรีที่ท่านมอบหมายอยู่ในขณะนี้ก็คงจะเจ็บป่วยไปทีละคนสองคนอย่างที่เป็นอยู่ ดังนั้น คนที่รู้ปัญหาดีที่สุด คือ นายกรัฐมนตรี ต้องกล้าตัดสินใจในระดับนโยบาย ท่านปล่อยเวลาในการแก้ไขปัญหานี้มาเนิ่นนานเกินควรแล้ว" นายชวลิตกล่าว