นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน มีหนังสือถึงสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงฝ่ายไทย ลงวันที่ 27 ธ.ค. 2562 เรื่อง แจ้งข้อมูลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหงที่จะเริ่มปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดำเนินการทดสอบอุปกรณ์ของโรงผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ จากวันที่ 27-31 ธ.ค. 2562 อัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 1,200-1,400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จะเริ่มลดการระบายน้ำลงในช่วงวันที่ 1- 3 ม.ค. 2563 จะค่อย ๆ ลดลงเป็น 800 -1,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และลดลงต่ำสุดในวันที่ 4 ม.ค. 2563 ระบายน้ำอยู่ที่ 504 – 800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจนกลับเข้สู่สถานะการทำงานปกติ
ทั้งนี้ สทนช.ได้ออกหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการไปยังกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ เชียงราย เลย นครพนม หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รวมถึงแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมเจ้าท่า รับทราบสถานการณ์ เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ รวมถึงกรมประชาสัมพันธ์ในการให้ข้อมูลข่าวสารประชาชน 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขงรับทราบสถานการณ์
โดยคาดว่าระดับน้ำโขงจะลดลงอีกในช่วงเวลาดังกล่าว แบ่งเป็น อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เริ่มมีผลช่วงวันที่ 2-4 ม.ค. 2563 ลดลงประมาณ 40 – 60 ซม. และวันที่ 5 ม.ค. 2563 จะลดเพิ่มอีก 30 - 50 ซม. ขณะที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ระดับน้ำเริ่มลดลงช่วงวันที่ 8-11 ม.ค. 2563 อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. 2563 อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ช่วงวันที่ 11 –14 ม.ค. 2563 อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2563
อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. 2563 อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ วันที่ 13-16 ม.ค. 2563 และอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ช่วงวันที่ 16-19 ม.ค. 2563 ตามลำดับ โดยจะมีระดับน้ำลดลง เฉลี่ย 40 - 60 ซม. เมื่อเขื่อนจิ่งหงลดการระบายน้ำ 1,000-800 ลบ.ม./วินาที และจะลดเพิ่มอีก 30-50 ซม. เมื่อลดการระบายน้ำที่ 504-800 ลบ.ม./วินาที