นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมความพร้อมและติดตามความก้าวหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ณ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล และ นายฟาม ฮง ไทย สองผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัดร่วมต้อนรับ
โดยนายอนุทิน เปิดเผยหลังการเยี่ยมชมว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่นักวิทยาศาสตร์ไทยอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีความก้าวหน้าในการศึกษาวิจัยและผลิตวัคซีนชนิด DNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตอนนี้ผลการทดลองในหนูมีความคืบหน้าในทางที่ดี อยู่ระหว่างการรับรองผลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในสัปดาห์หน้า หากผ่านการรับรองจะเริ่มการทดลองในลิง
ซึ่งหากสำเร็จตามเป้าหมายจะถือว่าเป็นข่าวดีของประเทศไทย และจะเริ่มผลิตวัคซีนออกมาเพื่อใช้ในการทดลองในคนในระยะที่ 1 ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย คาดว่าใช้เวลาประมาณ 12 เดือน จะทราบผลการทดลองในมนุษย์ระยะที่ 3 ในปลายปี 2564 หากเป็นตามนั้นประเทศไทยจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขึ้นมาได้เอง และถือว่าประชาชนชาวไทยจะมีโอกาสได้รับวัคซีนเป็นประเทศลำดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย
นายอนุทิน ยังกล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายกับทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติว่าจะต้องกำหนดบทบาทใหม่ในการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในการร่วมผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยจะต้องยกสถานะตัวเองให้เปรียบเสมือนเป็นหุ้นส่วนของงาน ที่ไม่เพียงสนับสนุนเรื่องวิชาการเพียงอย่างเดียว ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้านเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้เอง และความร่วมมือเช่นนี้ตนมั่นใจว่าหากประเทศไทยทำสำเร็จจะมีหลายประเทศ หลายบริษัทให้ความสนใจเข้ามาขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาวัคซีนอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังเดินทางไปตรวจเยี่ยม บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด จ.นนทบุรี โดยระบุว่า สยามไบโอไซเอนซ์ ได้ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ผลิตชุดตรวจทดสอบ RT-PCR ซึ่งเป็น Gold Standard ขององค์กรอนามัยโลก เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศและสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ โดยมีเป้าหมายส่งมอบจำนวน 100,000 ชุด เบื้องต้นได้ส่งมอบแล้วกว่า 60,000 ชุด ใช้ตรวจตัวอย่างไปกว่าแสนรายแล้ว และจะส่งมอบอีก 40,000 ชุดภายในเดือนนี้ จึงเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่พร้อมรับมือกับสถานการณ์การระบาดโควิด 19 ในประเทศไทย
"รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านทั้งการเร่งวิจัยผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาด การเตรียมพร้อมของระบบรักษาพยาบาล ทั้งจำนวนเตียง ยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการในระยะที่ 3 เพื่อเอื้อต่อการประกอบกิจการและใช้ชีวิต แต่ยังต้องขอความร่วมมือของประชาชนทุกคน ให้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการสวมหน้ากาก ล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล เว้นระยะห่าง อย่ารวมกลุ่ม ถ้าเราร่วมกันการ์ดอย่าตก มั่นใจว่าเราจะผ่านสถานการณ์นี้ได้อย่างปลอดภัยและไม่เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างน่าห่วงอีกครั้ง" นายอนุทิน กล่าว